“เจ.เอส.พี.ฯ”ลดเสี่ยงบุกหนักแนวราบ

“เจ.เอส.พี.ฯ”ลดเสี่ยงบุกหนักแนวราบ

“เจ.เอส.พี.” ปรับแผนลดเสี่ยง หันบุกหนักแนวราบ ชะลอโครงการคอนโด หลังสัดส่วนปฏิเสธสินเชื่อสูง ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 5,000 ล้าน โตเฉลี่ย20%ต่อปี 

นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการบริษัท เจ.เอส.พี.แอสพลัส จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับแผนงาน หันมารุกโครงการแนวราบมากขึ้น โดยชะลอการพัฒนาและเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากต้องการลดความเสี่ยงการดำเนินงาน โดยเฉพาะโครงการคอนโดที่มีปัจจัยกดดันเรื่องสัดส่วนปฏิเสธสินเชื่อ ที่ค่อนข้างสูงกว่าโครงการแนวราบ 

ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการปฏิเสธสินเชื่อ โครงการคอนโด อยู่ที่30% จากเดิมอยู่ที่ 40% ส่วนโครงการแนวราบ เฉลี่ยอยู่ที่ 15% ลดลงจากเดิมที่มีสัดส่วน 30%

ทั้งนี้ หนึ่งในโครงการที่ปรับแผนการดำเนินงาน คือ โครงการไมอามี่ คอนโด บางปู ที่ตามแผนเดิมวางไว้จะพัฒนาให้ถึง 5,000 ยูนิต แต่เมื่อพิจารณาจากภาพรวมและสถานการณ์ในตลาดคอนโด จึงปรับแผนชะลอการพัฒนาและเหลือไว้อยู่ที่ 1,000 ยูนิต ราคาขายต่ำกว่า1 ล้านบาทต่อยูนิต รวมถึงภาพรวมการขายโครงการเจ คอนโด สาทร - กัลปพฤกษ์ มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท จำนวน 1,100 ยูนิตหรือขายเฉลี่ย 1.29 – 2 ล้านบาทต่อยูนิต มียอดขายราว 50%และตั้งเป้าหมายจะโอนภายในเดือน ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ดี มองว่ายังไม่น่ากังวลมากนัก เนื่องจากพอร์ตโพลิโอของบริษัทยังมีสัดส่วนคอนโดค่อนข้างน้อย ประมาณ 20 – 25%

สำหรับแผนงาน 5 ปีนี้ ได้วางเป้าหมายอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% หรือประมาณการรับรู้รายได้ อยู่ที่ 9,000 ล้านบาท ภายในปี2564 ส่วนในปีนี้บริษัทวางเป้าหมายรับรู้รายได้รวมไว้กว่า5,000ล้าน จากปีก่อนอยู่ที่ประมาณ3,000กว่าล้านบาท

ส่วนภาพรวมโครงการปีนี้อยู่ระหว่างเตรียมเปิดตัวโครงการ คือ คอนโด บางเสร่ – ชลบุรี และบ้านเจ วิลล่า วงแหวน – บางใหญ่ หลังจากได้เปิดตัวโครงการบ้านพร้อมอยู่ เจ แกรนด์ สาทร – กัลปพฤกษ์ มูลค่าโครงการ 575 ล้านบาท จำนวน 120 ยูนิต มียอดขายแล้วกว่า 300 ล้านบาท รวมถึงโครงการทาวน์เฮาส์ เจ ซิตี้ ศรีราชา –อัสสัมชัญ มูลค่าโครงการ500กว่าล้านบาท เฉลี่ยหลังละ2.5ล้านบาท ที่ขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 300 ล้านบาท