ฟันเจ้าหน้าที่ 'ปปง.' เรียก20ล้านก๊วนโกง 'สกสค.'

ฟันเจ้าหน้าที่ 'ปปง.' เรียก20ล้านก๊วนโกง 'สกสค.'

"ป.ป.ช." ฟันเจ้าหน้าที่ "ปปง." เรียก 20 ล้านบาทก๊วนโกงเงินกองทุน "สกสค." แลกถอนอายัดทรัพย์

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลนายอภิชาติ ถนอมทรัพย์ ผู้อำนวยการกองคดี 2 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และนายอเนก ใจพยุงตนกรณีร่วมกันเรียกเงิน จำนวน 20 ล้านบาท จากนายเกษม กลั่นยิ่ง และนายสุรเดช พรหมโชติ ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่ถูกตรวจสอบทรัพย์สินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนในการช่วยเหลือทางคดีเกี่ยวกับการถอนอายัดทรัพย์สิน

นายสรรเสริญ กล่าวว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า สำนักงาน ปปง. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายอภิชาติเป็นหัวหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินกรณีนายเกษมและนายสุรเดช กับพวก มีพฤติการณ์ทุจริตเงินกองทุนของ สกสค. ปรากฏว่าหลังจากที่คณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติให้อายัดทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวแล้ว เมื่อประมาณกลางเดือนมิถุนายน 2558 นายอภิชาติ และนายอเนก ได้ร่วมกันเรียกเงิน จำนวน 20 ล้านบาท จากนายเกษม และ นายสุรเดช เพื่อเป็นการตอบแทนในการช่วยเหลือทางคดีเกี่ยวกับการถอนอายัดทรัพย์สิน จากนั้นมีการส่งมอบเงินให้นายอภิชาติ และนายอเนก รวม 3 ครั้งๆ ละ 2 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 6 ล้านบาท ครั้งที่ 1 เมื่อปลายเดือนมิ.ย. 58 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 23ก.ค. 58 และครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 6 ส.ค.58 ตามลำดับ

ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว จึงมีมติว่านายอภิชาติ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลนอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมายหรือกฎ ข้อบังคับ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 103 กรรมหนึ่ง และมีมูลเป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงานรู้หรืออาจรู้ความลับของทางราชการ กระทำโดยประการใด ๆ อันมิชอบด้วยหน้าที่ให้ผู้อื่นรู้ความลับนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 164 และฐานรู้หรืออาจรู้ความลับในราชการเกี่ยวกับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน กระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นรู้หรืออาจรู้ความลับดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 66 อีกกรรมหนึ่ง โดยมีนายอเนก เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าว