MORNING CALL ACTION NOTES (16 มิ.ย.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (16 มิ.ย.60)

เน้นรายตัว

ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวแคบเนื่องจากมีแรงขายในกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลง อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อเก็งกำไรกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้เข้าคำนวณ SET 50 / 100 รอบใหม่ ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,577.00 จุด (+4.64 จุด) ด้วย Vol. 3.9 หมื่นลบ.โดย Foreign Net –196 ลบ. TFEX Net -3,564 สัญญา และตลาดตราสารหนี้ +2,889 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ หัวหน้าคสช.ใช้ ม.44 เอื้อรฟท.ทำสัญญาจ้างรสก.จีน หวังเร่งรัดโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา

+ ส.ป.ก.นัดหารือสัปดาห์นี้สรุปแนวทางใช้ ม.44 แก้ปมใช้ที่ดินผลิตปิโตรเลียม-ทำเหมือง-พลังงานทดแทน

+ TDRI คาดศก.ไทยเริ่มติดเครื่องใน H2 จากส่งออก-ลงทุนภาครัฐช่วยหนุน ดัน GDP ทั้งปีโต 3.4-3.5%

+/- ตลาดหุ้น DJ อ่อนตัวลงจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอาจไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมถึงตัวเลขการผลิตภาคอุตฯสหรัฐฯเดือนพ.ค. -0.4%

+/- BOE มีมติคงดอกเบี้ย 0.25% และการใช้ QE 4.35 แสนล้านปอนด์

- ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงล่าสุด 44.4 US/Barrel ความไม่มั่นใจว่ากลุ่มโอเปกจะสามารถแก้ไขภาวะน้ำมันล้นตลาดได้ หลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น สู่ 32.08 ล้านบาร์เรล/วัน

+/- Fund Flow ต่างชาติผันผวนล่าสุด Net Sell 5 วันราว 4.4 พันลบ. อีกทั้ง FED จะเริ่มปรับลดงบดุลมูลค่า US$4.5 ล้านล้านในปีนี้ อย่างไรก็ตามเงินบาทยังแข็งค่าล่าสุด 33.9 Bath/USD

ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวก/ลบคละเคล้า โดย Fund Flow ที่ผันผวนเป็น Net Sell ต่อเนื่อง 5 วันราว 4.4 พันลบ. รวมถึงราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามการเร่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของทางรัฐบาลเป็นแรงหนุนต่อดัชนี ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัว 1,570 – 1,580 จุด

กลยุทธ์การลงทุน ซื้อเล่นรีบาวด์ช่วงอ่อนตัวแบบ Selective Buy

- กลุ่มรับเหมาและสายการบินได้ประโยชน์ต้นทุนราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง

- SPA เซ็นสัญญาให้บริการสปาในร.ร. The Sis Resort Kata จ.ภูเก็ต เบื้องต้น 2 ปีขยายเวลาต่อได้อีก 2 ปี จะเปิดให้บริการใน Q2

- CHO เซ็นงาน e-Ticket 1,665 ลบ. คาดทยอยรับรู้รายได้ปี 61 - 65

- หุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณรอบใหม่ของ SET50 EA MTLS BJC BPP TISCO และ SET100 BCPG WORK ANAN GFPT (คาดประกาศกลางเดือนมิ.ย.)


หุ้นแนะนำพิเศษ

ETE (ราคาปิด 4.06 แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 5.06)

- ประกอบ 3 ธุรกิจหลัก 1) ธุรกิจบริการบริหารจัดการ อาทิงานบริหารจัดการบุคลากร 2) ธุรกิจบริการงานวิศวกรรมทั้งระบบไฟฟ้าและระบบโทรคมนาคม และ 3) ธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจบริหารจัดการฯ แต่กำไรหลักมาจากธุรกิจพลังงานทดแทน

- มีโอกาสเติบโตจาก 1) โซลาร์สหกรณ์ เฟส 2 กำลังการผลิต 40 MW จับฉลาก 26 มิ.ย. และพร้อมเข้าร่วมประมูลงานปรับปรุงสายส่ง กฟผ. ในภาคอีสาน ภาคตะวันตก และภาคใต้รวม 1.5 แสนล้านบาท

- คาดกำไรปี 60 อยู่ที่ 61 ล้านบาท +97%YoY โดยได้รับแรงหนุนหลักจากธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์กำลังการผลิต 16.45 MW ที่รับรู้รายได้เต็มปี ทั้งนี้เรายังไม่รวมงานโซลาร์สหกรณ์ เฟส 2 และงานประมูลสายส่งของกฟผ. ในประมาณ


หุ้นมีข่าว

- (+) BCP (ราคาปิด 34.00 Bloomberg Consensus 37.12) หาพันธมิตรต่อยอดสินค้าเกษตรผลิตวัตถุดิบอุตฯเครื่องสำอาง-ยา-อาหารเสริม ปักธงตั้งใน EEC
- (+) SCN (ราคาปิด 5.85 Bloomberg Consensus 8.03) ปักหมุดขยายฐานตลาดอินโดนีเซีย วางหมากส่งถังก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์เป็นหัวหอกทำตลาด คาดเริ่มดำเนินการได้ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปี 2561 บอส "ดร.ฤทธี กิจพิพิธ" แย้มมาร์จิ้นสูง 200-300 เท่าจากราคาตลาด พร้อมเร่งเครื่องขยายสถานีก๊าซ NGV ครบ 20 แห่ง หนุนผลงานปีนี้เข้าเป้าโต 40% จากปีก่อน (ที่มาทันหุ้น)

- (+) TSE เล็งระดมทุนราว 3 พันลบ.หลังผถห.ไฟเขียวเพิ่มทุน,คาดสรุปแผนโซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่นอีก 1-2 โครงการใน Q3/60

- (+) CHO คาดเริ่มทยอยรับรู้รายได้โครงการ E-Ticket ขสมก. มูลค่าโครงการ 1.66 พันล้านบาท ตั้งแต่ปี 61-65

- (+)6 หุ้นผ่านคุณสมบัติโซลาร์ราชการ-สหกรณ์เฟส 2 “GUNKUL-SUPER” นำทัพ ผ่านคุณสมบัติเกิน 100 MW ด้าน ETE คว้าสิทธิ 40 MW ส่วน BCPG ได้ 38 MW ขณะที่ “PSTC-TSE” ผ่านรายละ 15 MW เตรียมลุ้นจับฉลาก 26 มิ.ย.นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

- (-) PE เผยกรมสรรพากร ไม่อนุมัติผ่อนชำระ สั่งชำระค่าภาษีอากรคงค้าง 251 ลบ.ภายใน 15 วัน (ที่มา หุ้นอินไซต์รายวัน)

- (-) ICHI OISHI : ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์แสนล้านสะเทือน หลังรัฐรีดภาษีความหวาน ผนวกในภาษีสรรพสามิต ฉบับใหม่ ดีเดย์ 16 ก.ย.นี้ ให้เวลาปรับตัว 2 ปี ก่อนคิดอัตราก้าวหน้า สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทย คาดกลุ่มน้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำผัก-ผลไม้ กระทบหนักสุด ขานรับนโยบาย ผนึกรัฐออก มาตรการบังคับ-สมัครใจ ติดฉลากโภชนาการ ปรับสูตร เพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าสุขภาพ รั้งยอดขาย (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -14.66 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,359.90 จุด ลดลง 14.66 จุด หรือ -0.07% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,432.46 จุด ลดลง 5.46 จุด หรือ -0.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,165.50 จุด ลดลง 29.39 จุด หรือ -0.47% โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และจากความวิตกกังวลที่ว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอาจไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังจากประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

ตลาดน้ำมัน NYMEX -0.27 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 27 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 44.46 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยสัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด และจากการที่นักลงทุนไม่มั่นใจว่าการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะสามารถแก้ไขปัญหาน้ำมันล้นตลาดได้