Daily Market Outlook (15 มิ.ย.60)

Daily Market Outlook (15 มิ.ย.60)

การเมืองสหรัฐกดดัน

คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบวันนี้จากรายงานความปั่นป่วนทางการเมืองในสหรัฐ โดยที่ประธานาธิบดี Donald Trump กำลังถูกสอบสวนว่าขัดขวางกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ แม้ว่าจะไม่ถูกดำเนินคดีอาญา แต่กรณีดังกล่าวอาจนำไปสู่การขอให้มีการถอดถอนจากตำแหน่งได้ ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐที่อ่อนผิดคาดทำให้เกิดคำถามว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้ได้หรือไม่ ราคาน้ำมันที่ร่วงแรงกดดันหุ้นพลังงาน ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ส่วนใหญ่เป็นความคืบหน้าของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกจะพิจารณาโครงการรถไฟรางคู่เชื่อม EEC มูลค่า 6.43 หมื่นล้านบาทพรุ่งนี้ รัฐบาลจะเปิดประมูลให้บริหารโครงการมอเตอร์เวย์ 2 สายมูลค่า 1.4 แสนล้านบาทภายในปีนี้

หุ้นเด่นวันนี้: TTA (ราคาปิด 9.45; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS 13.00 บาท)

TTA เป็น Pick of the day ของเรา จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index) ฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากลงไปถึงจุดต่ำสุดของรอบนี้ที่ 818 จุด กลับขึ้นมาที่ 865 จุดแล้ว เรายังเชื่อว่าการฟื้นตัวของค่าระวางเรือจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็ก ซึ่งดีมานด์รวมถึงราคาถ่านหินเริ่มยืนได้หลังจาก ปธน. ทรัมป์มีนโยบายไม่เข้าร่วม ParisAgreement ซึ่งเป็นสัญญาลดโลกร้อน การใช้ถ่านหินของสหรัฐฯ น่าจะดีเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้ การที่ ปธน.ทรัมป์ จะเริ่มเดินหน้านโยบายที่วางไว้ในช่วงหาเสียง จะมีส่วนอย่างมากต่อการผลักดันให้เกิดการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ น่าจะเป็นผลดีต่อการบริโภคเหล็ก หากถ่านหินและเหล็กกลับมามีแนวโน้มดีขึ้นจะเป็นผลบวกต่อค่าระวางเรือ เพราะการขนส่งสินค้าสองประเภทนี้รวมกันคิดเป็น 50% ของค่าขนส่งทั้งหมดของ TTA ด้านอุปทาน เราคาดว่ากองเรือเทกองจะลดปริมาณลง เนื่องจากกฎระเบียบของระบบการจัดการน้ำถ่วงเรือ (BWM) ที่นำมาบังคับใช้เป็นกฎหมายกับเรือทุกประเภท ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนของผู้ประกอบการเรือเพิ่มขึ้นและเป็นเหตุจูงใจให้มีขายเรือที่เก่าเกินกว่า 15 ปีทิ้งเป็นเศษเหล็กเพราะไม่คุ้มจะนำมาเดินเรือ เราคาดการณ์อย่างระมัดระวังว่า Baltic Dry Index (BDI) อยู่ที่ระดับ 1,000 ในปี 2560 และ 1,200 ในปี 2561 ซึ่งพลิกจากระดับ 673 ในปี 2559 และ 718 ในปี 2558 ในขณะที่เราคาดว่าธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้ TTA คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี ทั้งที่ไตรมาส 1/60 มีแต่ธุรกิจเรือที่ดีขึ้น แต่ธุรกิจอื่นยังสร้างผลประกอบการที่น่าผิดหวัง เมื่อ 1 มิ.ย.60 บริษัทย่อยของ TTA ได้เข้าทำการซื้อกิจการของ PIZZA HUT เป็นที่เรียบร้อย ในสัดส่วนการถือหุ้นทางอ้อม 70% เงินลงทุน 733 ล้านบาท โดยคาดว่าเมื่อ TTA เข้ามาพัฒนาธุรกิจของ PIZZA HUT จะขยายสาขาได้มากขึ้น ปัจจุบัน PIZZA HUT มี EBITDA เป็นบวกในระดับที่ดี เราคาดว่ากำไรของ TTA จะฟื้นตัวจากขาดทุน 418 ล้านบาทในปี 2559 และมีกำไรสุทธิ 1.54 พันล้านบาทในปี 2560 และเพิ่มขึ้นอีก 14% เป็น 1.76 พันล้านบาทในปี 2561 โดยราคาเป้าหมายของเราอยู่ที่ 13.00 บาทซึ่งอิงค่า PBV ที่ 1.1 เท่าปี 2560 เทียบกับ PBV ปัจจุบันที่ต่ำเพียง 0.8 เท่า ยังมี upside 37% Price Pattern ของ TTA ยังคงมีแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Sell Signal โดยปัจจุบัน Price Pattern ของ TTA มีเพียงความแข็งแกร่งในระยะสั้นจากการเกิด Daily Buy Signal เท่านั้น อย่างไรก็ตาม Price Pattern ของ TTA จะเปลี่ยนแนวโน้มหลักจากแนวโน้มขาลงไปสู่แนวโน้มขาขึ้น เมื่อสามารถปิดตลาดรายเดือนได้เหนือ 9.95 บาท ซึ่งจะทำให้ Price Pattern ของ TTA กลับมาเกิดทั้ง Weekly & Monthly Buy Signal ครั้งใหม่ทันที TTA มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 11 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 13.40 บาท ตามลำดับ มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 8.90 บาท (Resistance: 9.50, 9.55, 9.65; Support: 9.40, 9.35, 9.25)


ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• รถไฟรางคู่ EEC เสนออนุมัติพรุ่งนี้ โครงการรถไฟรางคู่ มูลค่า 6.43 หมื่นล้านบาท ซึ่งเชื่อมต่อท่าเรือแหลมฉบัง มาบตาพุด และสัตหีบ จะถูกเสนอแก่คณะกรรมการนโยบาย EEC เพื่ออนุมัติในวันพรุ่งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในสี่โครงการโครงสร้างพื้นฐานเร่งด่วน EEC ที่รัฐต้องการให้เริ่มการประมูลภายในปีนี้ (Bangkok Post)

• ประมูลโครงการ PPP มอเตอร์เวย์สองเส้นปีนี้ ผู้อำนวยการ สคร. เผย รัฐบาลเตรียมผลักดันโครงการลงทุน PPP ของ ก.คมนาคมในปีนี้เพิ่มเติมอีก 2 โครงการมูลค่า 1.4 แสนล้าน คาดน่าจะบรรลุในปี 60 โครงการมอเตอร์เวย์สองโครงการคือถนนเส้นเชื่อมบางปะอิน(อยุธยา)-โคราช และบางใหญ่(นนทบุรี)-กาญจนบุรี (Bangkok Post)

• จี้ยกระดับไทยเป็นศูนย์กลาง 'ฟินเทค' สำหรับ CLMV รองนายกฯ สมคิดมอบหมายให้คลังและแบงค์ชาติยกระดับไทยเป็นศูนย์กลาง 'ฟินเทค' รองรับแก่ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม) พร้อมให้ศึกษาความเป็นไปได้ใช้ "บิทคอยน์" โดยต้องพิจารณาความเหมาะสม-ความเสี่ยง (กรุงเทพธุรกิจ/ไทยโพสต์)

• SME ขอกู้ทะลักลุยทำแผนดึงลงทุน "อุตตม" ปลื้มเอสเอ็มอีขอเงินช่วยเหลือกว่า 4 พันล้าน เร่งทำแผนยุทธศาสตร์ดึงลงทุนในอีอีซี คาดอีก 2 สัปดาห์ชงนายกฯ พิจารณา (ไทยโพสต์)

• หุ้นเหล็กปรับตัวขึ้น:เมื่อวานนี้หุ้นกลุ่มเหล็กเช่น GJS, GSTEL, TSTH และ TMT ปรับตัวขึ้นเนื่องจากคาดการณ์ความต้องการเหล็กในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากโครงการขนาดใหญ่ (SET, Infoquest)คำแนะนำ: เรายังแนะนำให้ซื้อขายด้วยความระมัดระวังหุ้นกลุ่มนี้เพราะอาจมีเป็นบวกระยะสั้น เรามองว่ามีเพียง TSTH และ TMT มีพื้นฐานและกำไรรองรับและปลอดภัยสำหรับการซื้อขาย

• BANPU (ราคาปิด18.10 บาท; NR; เป้าหมาย IAA consensus เท่ากับ 23.36 บาท)จากการที่ราคาถ่านหิน New Castle ปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 80.50 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ดีขึ้นจากที่ลงไป Bottom ที่ 73.45 เหรียญสหรัฐฯต่อตันจากปลายเดือนก่อน คือเพิ่มขึ้น 9.5% MTD และหุ้น ITMG'J ที่ BANPU ถือหุ้น 65% และจดทะเบียนในตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.9% MTD ทำให้เห็นว่าราคาหุ้น BANPU ยังคง laggard เพราะปัจจัยบวกราคาถ่านหินเพิ่มขึ้นหุ้น BANPU เพิ่มขึ้นเพียง 1.6% MTD (ASPEN)ความเห็น: เราเชื่อว่าน่าจะเป็นโอกาสที่จะสะสมหุ้น BANPU จากปัจจัยบวกที่น่าจะเกิดขึ้นหลังจากการถอนตัวจาก Paris Agreement ของประธานาธิบดีทรัมป์ เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณไฟเขียวสำหรับการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลหรือเชื้อเพลิงที่ไม่สะอาด จะกระตุ้นความต้องการใช้ถ่านหินให้เพิ่มขึ้น แม้จะส่งผลลบบ้างต่อพลังงานทดแทนที่เป็นพลังงานสะอาด เช่นพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม ราคาหุ้น BANPU น่าจะตอบสนองในทางบวกได้บ้างจากเรื่องนี้

ต่างประเทศ:

• เฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.00-1.25% ตามคาด คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐยังได้เผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนที่จะเริ่มปรับลดการถือครองพันธบัตรและหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ธนาคารชั้นนำสหรัฐหลายแห่งได้คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะเริ่มลดพอร์ตพันธบัตรมูลค่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐนับแต่เดือนก.ย. หลังจากมีเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายได้ออกมากล่าวถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดการถือครองพันธบัตร (Reuters)

• ประธานาธิบดีทรัมป์ถูกสอบสวนในเรื่องการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ที่ปรึกษาพิเศษ Robert Mueller กำลังสืบสวนกรณีการแทรกแซงของรัสเซียในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 59 และความเป็นไปได้ของการสมรู้ร่วมคิดกับทรัมป์ อดีตผอ. FBI James Comeyกล่าวกับสภาคองเกรสเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเขาถูกไล่ออกโดยทรัมป์ แม้มีความเป็นไปได้น้อยที่ทรัมป์จะถูกดำเนินคดีอาญา แต่การขัดขวางกระบวนการยุติธรรมก็ถือว่าเป็นการผิดจรรยาบรรณเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ากระบวนการอะไรก็ต้องผ่านอุปสรรคอย่างมาก เนื่องจากต้องได้รับการรับรองโดยรัฐสภาสหรัฐก่อน ซึ่งถูกควบคุมโดยพรรค Republicans (Reuters)

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐร่วงลงต่ำสุดนับแต่เดือนพ.ย. เมื่อวันพุธ หลังมีข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกที่อ่อนแอ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีล่าสุดอยู่ที่ระดับ 2.127% หลังจากอยู่ที่ระดับ 2.103% ในก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่วันที่ 10 พ.ย. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีปิดที่ระดับ 2.769% หลังแตะระดับต่ำสุดนับแต่วันที่ 9 พ.ย. ที่ 2.765% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีปิดที่ระดับ 1.335% ลดลง 3 bps (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าในวันนี้ เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนแอทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่ในปีนี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวที่ระดับ 96.932 แต่สูงกว่าระดับต่ำสุดของเมื่อคืนที่ 96.323 หลังการเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ลดลง (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดผสมผสานเมื่อวันพุธ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกแต่ดัชนีแนสแดคและ S&P500 ปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจหลังมีตัวเลขเงินเฟ้ออ่อนแอกว่าที่คาด ยอดค้าปลีกลดลง และเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มพลังงานฉุดตลาดลงส่วนหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น (Reuters)

• ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐลดลงเกินคาดในเดือนพ.ค. โดยดัชนี CPI ลดลง 0.1%MoMโดยรับผลกระทบจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมัน เครื่องแต่งกาย อัตราค่าโดยสาร ยานยนต์ สื่อสารและบริการทางการแพทย์ ดัชนี CPI ปรับตัวลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนหลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาจนถึงเดือนพ.ค. ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 1.9% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับแต่เดือนพ.ย. ปีก่อน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนเม.ย. การปรับตัวขึ้นของดัชนี CPI เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนในเดือนพ.ค. ยังคงสูงกว่าการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยรายปีในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมาที่ 1.6% นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนี CPI จะไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนก่อนและเพิ่มขึ้น 2.0%YoY ทั้งนี้ เฟดตั้งเป้าอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ 2% และปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.5% เฟดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อรายปีจะลดลงต่ำกว่า 2% เล็กน้อยในระยะสั้น แต่จะไปถึงเป้าหมายได้ในระยะกลาง (Reuters)

• ยอดขายค้าปลีกเดือน พ.ค.ลดลงมากสุดในรอบ 16 เดือน โดยลดลง 0.3% MoMท่ามกลางการซื้อยานยนต์และการใช้จ่ายกลุ่ม discretionary ที่ลดลง หลังจากที่ตัวเลขดังกล่าวปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือน เม.ย. ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ก่อนหน้าว่ายอดขายค้าปลีกเดือน พ.ค.จะปรับขึ้น 0.1% MoMอย่างไรก็ตาม ตัวเลขเติบโต 3.8% YoYในระหว่างที่ยอดขายค้าปลีกในบางเดือนสะท้อนถึงราคาน้ำมันที่ลดลง ยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ปรับตัวลงอย่างมากนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 53 (Reuters)

• เฟดสาขาแอตแลนตาประมาณการ GDP สหรัฐจะขยายตัวสู่ระดับ 3.2% ต่อปีในไตรมาส 2/60หลังจากที่ขยายตัวสู่ระดับ 1.2% ในไตรมาส 1/60 (Reuters)

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปปรับตัวลงวานนี้ ฉุดโดยหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลงตามราคาน้ำมันดิบ และหุ้นกลุ่มธนาคารหลังจากข้อมูลสหรัฐก่อให้เกิดคำถามถึงความเป็นไปได้ของการปรับดอกเบี้ยขึ้นในอนาคต โดยช่วงแรกของการเทรด ตลาดหุ้นถูกหนุนโดยการเติบโตของผลผลิตอุตสาหกรรมยูโรโซนในเดือน เม.ย. และตัวเลขการจ้างงานไตรมาส 1/60 ที่แตะนิวไฮ (Reuters)

• ผลผลิตอุตสาหกรรมยูโรโซนเดือน เม.ย. เติบโต 0.5% MoM ซึ่งเป็นไปตามตลาดคาด ขณะที่ตัวเลขดังกล่าวปรับตัวขึ้น 1.4% YoYมากกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อยที่ 1.3% YoYนอกจากนี้ ตัวเลขในเดือน มี.ค. ถูกปรับขึ้นเช่นกันเป็นเติบโต 0.2% MoMและ 2.2% YoY (Reuters)

• ตัวเลขการจ้างงานไตรมาส 1/60 แตะนิวไฮ โดยเติบโต 0.4% QoQและ 1.5% YoYหรือคิดเป็นจำนวนทั้งหมด 154.8 ล้านคน นับเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในประวัติการณ์และทำลายสถิติเมื่อไตรมาส 1/51 นอกจากนี้ Eurostat ได้ปรับอัตราการจ้างงานไตรมาส 4/59 ขึ้นเป็นเติบโต 0.4% QoQและ 1.4% YoYจากก่อนหน้าที่ 0.3% QoQและ 1.1% YoY (Reuters)

เอเชีย:

• BOJ ตั้งเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในวันศุกร์นี้และรับประกันว่าตลาดจะยังมีการขยับแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แม้อัตราเงินเฟ้อต่ำมาก และเศรษฐกิจแข็งแกร่ง (Reuters)

• ผู้จัดทำดัชนี MSCI ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเปิดดัชนี EM ในสัปดาห์หน้ารับหุ้นจีนเข้ามาเป็นส่วนใหญ่ หลังจากที่ได้ปฏิเสธไปก่อนหน้านี้สามครั้ง MSCI ได้หารือกับหน่วยงานกำกับดูแลของจีนมาเกือบ 4 ปีว่าจะเพิ่มหุ้นในสกุลหยวนที่จดทะเบียนอยู่ในเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นตามเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งมีสินทรัพย์ประมาณ 1.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังคงมีความกังวลเรื่องข้อจำกัดการเข้าถึงตลาดตราสารทุนของจีน (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันร่วงเกือบ 4% สู่จุดต่ำสุดรอบ 7 เดือนวันพุธ สต็อกเบนซินเพิ่มขึ้นผิดคาดและแนวโน้มของโลกชี้ว่าอุปทานยังคงเพิ่มขึ้นอีกในปีที่จะถึงนี้ น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าลบ 1.73 (-3.7%) ปิดที่ 44.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดต่ำสุดนับแต่ 14 พ.ย. โดยตั้งแต่ปลาย ก.พ. WTI ร่วงมาแล้วราว 18% จากจุดสูงสุดที่ 54.45 ดอลลาร์ น้ำมันดิบเบรนท์ปิดร่วง 1.72 ดอลลาร์สหรัฐ (-3.5%) ปิดที่ 47 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดต่ำสุดนับแต่ 29 พ.ย. หนึ่งวันก่อนที่ OPEC จะตกลงลดกำลังผลิต (Reuters)

• EIA ระบุสต็อกน้ำมันเบนซินเยอะ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐรายงานว่าสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรลสัปดาห์ที่แล้วอยู่ที่ 242.4 ล้านบาร์เรลโดยมากกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีถึง 9% ข้อมูลเชิงลบนี้กลบการถอนใช้น้ำมันดิบของสหรัฐ 1.7 ล้านบาร์เรล (Reuters)

• IEA คาดการผลิตน้ำมันดิบต่อวันมากกว่าความต้องการองค์กรพลังงานระหว่างประเทศคาดการเติบโตของอุปทานน้ำมันโลกเท่ากับ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 61 หนุนโดยผู้ผลิตนอกกลุ่ม OPEC เช่นบราซิล แคนาดาและสหรัฐ ซึ่งมากกว่าการเติบโตของอุปสงค์ที่ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน (Reuters)

• ทองคำบวก 1% วันพุธหลังตัวเลขเงินเฟ้ออ่อนแอกว่าที่คาดสำหรับ พ.ค. ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า ทองคำตลาดจรบวก 0.1% ปิด 1,277.74 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทองคำสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบ ส.ค. บวก 11.30 ดอลลาร์สหรัฐปิดที่ 1,279.79 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)