หนองคายเปลี่ยนนาข้าวเป็นนาบัว ส่งขายไทย-ลาว รายได้ดี

จากการที่จังหวัดหนองคายมีฝนตกติดต่อกันหลายสัปดาห์ นอกจากจะส่งผลดีต่อเกษตรกรที่ทำนาข้าวแล้ว ยังส่งผลดีกับเกษตรกรที่ทำนาบัวในพื้นที่ตำบลเมืองหมี และตำบลโพธิ์ชัย อำเภอเมืองหนองคาย ที่ทำนาบัวกันมากว่า 10 ปีอีกด้วย ซึ่งช่วงนี้บัวให้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น ราคาก็ดี เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาหลายจังหวัดประสบปัญหาภัยแล้งและอากาศแปรปรวน ทำให้บัวออกผลผลิตน้อยและบางส่วนเน่าตาย ในส่วนของตลาดก็ไม่มีปัญหา จะมีแม่ค้าทั้งในจังหวัดหนองคาย จังหวัดใกล้เคียง และจาก สปป.ลาว มารับซื้อถึงที่เป็นประจำ 

นางสาวจันลา คุนาเนตร อายุ 59 ปี เกษตรกรทำนาบัวในพื้นที่ บ้านคำแค ตำบล โพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย เล่าว่า ตนทำนาบัวทั้งหมดประมาณ 3 ไร่ เริ่มปลูกบัวมาตั้งแต่พฤศจิกายนของปีที่แล้ว และเริ่มเก็บผลผลิตตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม ซึ่งราคาของบัวในปีนี้ราคาดีกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนลูกค้าจากตลาดท่าอุดม ตลาดท่าเสด็จ และทาง สปป.ลาว จะมารับซื้อถึงสวน 

การเก็บบัวนั้นจะสามารถเก็บได้เป็นรอบ รอบละประมาณเดือนครึ่ง การเก็บบัวแต่ละครั้งสามารถเก็บได้ 3 วันต่อ 1 ครั้ง จากนั้นก็จะพักประมาณ 3 เดือนจึงจะเก็บรอบใหม่ เมื่อเก็บบัวมาแล้วต้องนำมาจัดขายเป็นมัด มัดละ 6-7 ฝัก ขายมัดละ 10-13 บาท สร้างรายได้ให้เกษตรกรไม่ต่ำกว่าครั้งละ 2,000 บาท/ไร่ ซึ่งจะมีแม่ค้ามารับถึงสวนเพื่อนำไปขายในเขตพื้นที่จังหวัดหนองคาย และจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งส่งไปขายยัง สปป.ลาว อีกด้วย ซึ่งหากนำไปขายใน สปป.ลาว ราคาจะเพิ่มสูงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว คือราคามัดละ 20-26 บาท 

นางสาวจันลา กล่าวต่อไปอีกว่า เกษตรส่วนใหญ่จะนิยมทำนาบัวที่ขายฝักมากกว่าขายดอกเนื่องจาก เนื่องจากบัวฝักสามารถเก็บขายได้ตลอด แต่บัวดอกนั้นขายได้เฉพาะในช่วงวันพระ และวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เมื่อเทียบต่อไร่แล้วบัวฝักยังให้สร้างรายได้สูงกว่าบัวดอก 

สำหรับเหตุผลที่ทำให้เกษตรกรเลือกมาทำนาบัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากรายได้ดีกว่าการทำนาข้าวหลายเท่าตัว และยังสามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดทั้งปี นอกจากนี้หากบำรุงรักษาอย่างดีก็จะสามารถเก็บผลผลิตไปได้เรื่อย ๆ ไม่ต้องรื้อปลูกใหม่ เป็นการประหยัดต้นทุนทั้งค่าพันธุ์และค่าแรงงาน ซึ่งหลายพื้นที่ในจังหวัดหนองคายหนองคายมีสภาพอากาศที่เหมาะสม และมีน้ำอุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งปี เหมาะต่อการทำนาบัว แตกต่างจากหลายจังหวัดที่มาสภาพแห้งแล้งไม่สามารถทำนาบัวได้.