สั่ง 'แบงก์เจ้าหนี้' รายงานใกล้ชิด

สั่ง 'แบงก์เจ้าหนี้' รายงานใกล้ชิด

สั่ง "แบงก์เจ้าหนี้" รายงานใกล้ชิด ธปท.เกาะติดปัญหาผิดนัดตั๋วบีอี “เอิร์ธ” รมว.คลังแจงเป็นเรื่องปกติเชื่อแบงก์รับมือได้

“แบงก์ชาติ” เกาะติดปัญหาเอิร์ธ สั่งแบงก์เจ้าหนี้รายงานสถานการณ์ใกล้ชิด มั่นใจไม่กระทบเสถียรภาพระบบการเงิน รมว.คลัง ชี้บจ.ผิดนัดตั๋วบีอีเป็นเรื่องปกติแจงสถาบันการเงินรับมือได้เพราะมีสำรองเกิน100%

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า หลังจากบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) EARTH ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน(บีอี) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง ธปท.ได้ขอให้ธนาคารเจ้าหนี้รายงานสถานการณ์เข้ามาอย่างใกล้ชิด และติดตามการแก้ปัญหาหนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อดูว่าจะมีทางออกอย่างไรบ้าง

“ปัญหาที่เกิดกับ เอิร์ธ คงไม่สามารถพูดได้เพราะเป็นข้อมูลรายแบงก์ แต่เรากำลังติดตามดูอยู่”นายวิรไทกล่าว

นายวิรไท มั่นใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินในภาพรวม เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นขายนักลงทุนเฉพาะเจาะจง ไม่ได้ขายเป็นการทั่วไป

นอกจากนี้ 6 เดือนที่ผ่านมา ก.ล.ต.ก็ได้ให้ความสำคัญกับการปรับกฎเกณฑ์การออกตั๋วบีอีต่อเนื่อง ขณะที่บลจ.ต่างๆ ก็มีการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมมากขึ้น

“ไม่ว่าจะเป็นตั๋วบีอีหรือหุ้นกู้ก็มีโอกาสเกิดปัญหาขึ้นได้ ซึ่งก็เหมือนแบงก์ที่ปล่อยสินเชื่อก็มีโอกาสเป็นหนี้เสียได้ จึงต้องดูรายละเอียดเป็นรายๆ ไป”

ส่วนคำถามที่ว่ากรณีนี้จะนำไปสู่ความกังวลของธนาคารพาณิชย์ที่จะไม่ยอมปล่อยสินเชื่อ เพื่อไปรีไฟแนนซ์ให้กับบริษัทที่มีปัญหาหรือไม่นั้น ปัญหาลักษณะนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และหลายธนาคารพาณิชย์ก็เริ่มแยกแยะลูกค้ามากขึ้น มีการดูรายละเอียดของแต่ละลูกค้า จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบในภาพรวม

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีล่าสุดบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอี เป็นสิ่งที่บริษัทออกมาและขายให้ประชาชน ซึ่งเป็นรายใหญ่ โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีแนวคิดว่า ถ้าเป็นประชาชนรายใหญ่มาซื้อ ก็ต้องมีความรู้ในการลงทุน สามารถวิเคราะห์ พิจารณาถึงบริษัทว่าเป็นอย่างไร และมีบทวิเคราะห์ทางการเงินออกซึ่งยิ่งอัตราดอกเบี้ยสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนจึงต้องตัดสินใจเอง

ในส่วนธนาคารพาณิชย์ปกติที่มีการให้กู้เงิน ก็มีปัญหาหนี้เสียที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่แล้ว ตอนนี้ระบบของธนาคารไม่น่าเป็นห่วง แต่ละธนาคารมีการกันสำรองเกิน 100% ส่วน สำนักงานก.ล.ต.เองในฐานะฝ่ายกำกับก็มีกฎระเบียบดูแลอยู่แล้ว ซึ่งมีหน้าที่การกำกับดูแลเรื่องตั๋วบีอีให้ดี ไม่ให้เกิดปัญหา สำหรับปัญหาตั๋วบีอีที่เกิดขึ้น 2-3 เดือนที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่กรณีแบบเดียวกันนี้ เคยมีมาก่อนหลายปีแล้ว

บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า การผิดนัดชำระหนี้บีอีของเอิร์ธอาจกระทบแบงก์กรุงไทยนั้น ยังไม่อาจยืนยันจำนวนยอดหนี้ของแต่ละธนาคารที่ปล่อยกู้ให้กับ เอิร์ธได้ จึงทำการประเมินผลกระทบในเชิงระมัดระวัง โดยตั้งสมมติฐานกรณีที่มีการผิดนัดชำระหนี้ทั้ง12,000 ล้านบาท ซึ่งในกรณีที่ธนาคารนำสำรองส่วนเกินที่มีอยู่มาใช้เป็นสำรองสำหรับหนี้ส่วนนี้อาจไม่กระทบต่อกำไรสุทธิแต่จะทำให้ NPL Coverage Ratio ลดลงเหลือ 100% จากปัจจุบันที่ 113.4% แต่หากธนาคารมีการตั้งสำรองใหม่สำรองมูลหนี้ก้อนหนี้โดยเฉพาะ แบบไม่คิดหลักประกัน ผลกระทบต่อกำไรสุทธิจะอยู่ที่ราว 26% จากประมาณการเดิมที่ทำไว้ ส่วน NPL Coverage Ratio อาจลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ราว 111%