‘พัทยา’เจ้าภาพ‘ทีทีเอ็ม’ปี6หนุนเศรษฐกิจอีอีซี

‘พัทยา’เจ้าภาพ‘ทีทีเอ็ม’ปี6หนุนเศรษฐกิจอีอีซี

ททท.โยกทีทีเอ็มจัดพัทยาปี 2561 หวังส่งเสริมท่องเที่ยวเชื่อมลงทุนพื้นที่อีอีซี ชี้จุดแข็งมีสนามบินรองรับ พร้อมชูปรับภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวเชิงกีฬา เผยจัดงานทีทีเอ็ม เชียงใหม่ปีนี้ ดึงผู้ซื้อทั่วโลกมาเพิ่ม 20%

พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากการร่วมหารือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในฐานะผู้จัดงาน "ไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท พลัส” (ทีทีเอ็ม) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ข้อสรุปว่าการจัดงานทีทีเอ็มในปี 2561 จะหมุนเวียนสถานที่จัดงานไปยังเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกเจ้าภาพ ให้โอกาสภูมิภาคต่างๆ มีโอกาสรองรับเวทีซื้อขายด้านท่องเที่ยวรายการใหญ่ที่สุดของประเทศ

สำหรับหลักการในการเลือกพัทยา เนื่องจากเป็นเมืองใหญ่ด้านการท่องเที่ยว มีโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการจัดงาน ได้แก่ สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาพร้อมรองรับ และในปีหน้าที่ไทยเตรียมประกาศเป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย (Tourism Year) จะมีอีเวนท์ด้านประชุมสัมมนารายการใหญ่, กิจกรรมบันเทิง และมหกรรมกีฬาสำคัญ เตรียมไปจัดที่พัทยาด้วย จึงเป็นภาพลักษณ์ที่สอดคล้องกันพอดี

ด้านการจัดงานทีทีเอ็มพลัส 2017 ระหว่างวันที่ 14-16 มิ.ย. ณ ศูนย์การประชุมและการแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นการจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ในเชียงใหม่ ทำให้เห็นการกระจายรายได้ด้านท่องเที่ยว และสานต่อกลยุทธ์ด้านการส่งเสริมท่องเที่ยวเชื่อมโยง 2 ประเทศภายใต้แนวคิด Two Kingdoms One destination อย่างชัดเจน เนื่องจากภาคเหนือสามารถเป็นเกตเวย์เชื่อมต่อกับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงได้

นอกจากนั้น สามารถวางสินค้าหลักด้านมรดกโลกที่ในอนุภูมิภาคนี้มีร่วมกัน 22 แห่งได้ ขณะที่ เชียงใหม่เอง อยู่ในคิวที่จะได้รับการพิจารณาบรรจุเป็นเมืองมรดกโลกภายใต้การรับรองของยูเนสโกด้วย โดยอยู่ในประเภทมรดกโลกที่ยังมีวิถีชีวิตผู้คนอาศัยอยู่ ดังนั้น การมาจัดในสถานที่จริง จะเป็นการโชว์เคสให้เอเยนต์ต่างชาติที่มาเข้าร่วม เห็นศักยภาพท่องเที่ยวที่เน้นเอกลักษณ์ท้องถิ่นด้วยตัวเอง

ด้านนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การเลือกพัทยาเป็นเจ้าภาพ จะสอดรับกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้พอดี เนื่องจากเมื่อมีการเคลื่อนตัวด้านการลงทุน มีชาวต่างชาติเข้าไปแล้ว ธุรกิจท่องเที่ยวจะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นด้วย ขณะเดียวกัน ยังสามารถใช้โมเดลเดียวกับในเชียงใหม่ สำหรับการสร้างเส้นทางเชื่อมต่อกับเพื่อนบ้าน โดยทำเลพัทยา จะเน้นการเชื่อมต่อทางน้ำจากการที่ไทยเคยไปเซ็นเอ็มโอยูส่งเสริมท่องเที่ยวร่วมกับ กัมพูชา และเวียดนามไปแล้ว และทั้งสองประเทศต้องการเชื่อมต่อทะเลภาคตะวันออกของไทย เข้ากับ สีหนุวิลล์ (กัมพูชา) และเกาะฟูก๊วก (เวียดนาม)

ส่วนเชียงใหม่ แม้จะไม่ได้เป็นเจ้าภาพงานทีทีเอ็มแล้ว แต่ในช่วงต้นปียังได้สิทธิเป็นเจ้าภาพงานท่องเที่ยวระดับภูมิภาค ได้แก่ อาเซียน ทัวริสซึ่ม ฟอรั่ม (เอทีเอฟ) ซึ่งจะมีเวทีซื้อขายทราเว็กซ์ที่ดึงดูดผู้ซื้อจากทั่วโลกมาพบปะกับผู้ขายจากทั่วอาเซียนอยู่แล้ว

“เชียงใหม่ยังคงมีศักยภาพ และหากได้รับการรับรองเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม ก็จะช่วยให้มีภาพลักษณ์แข็งแกร่งด้านท่องเที่ยวได้ ซึ่งในไทยขณะนี้มีมรดกโลกทางวัฒนธรรมเพียง 3 แห่ง และส่วนใหญ่จะเป็นทางธรรมชาติถึง 8 แห่ง”

ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การจัดงานทีทีเอ็มครั้งนี้ มีผู้ซื้อเข้าร่วม 361 รายจาก 56 ประเทศทั่วโลก เพิ่มขึ้น 20% เทียบกับปีที่แล้ว มีผู้ซื้อตลาดเอเชียตะวันออกเข้าร่วมเพิ่มขึ้นสูงสุด 45% หรือคิดเป็น 82 รายในครั้งนี้ ส่วนผู้ซื้อที่เข้ามามากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน, สหราชอาณาจักร, อินเดีย, ออสเตรเลีย และอิตาลี ขณะที่ผู้ขายจากไทยมี 362 หน่วยงาน แบ่งเป็นรายใหม่ที่เข้าร่วมครั้งแรกกว่า 29% มาจากภาคใต้และภาคเหนือมากที่สุด และมีการนัดหมายเพื่อเจรจาธุรกิจล่วงหน้าไว้ 1.4 หมื่นนัดหมาย

นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่มีการจัดสัมมนาเผยแพร่ความรู้ด้านการท่องเที่ยว เพื่อสร้างองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว มีผู้สนใจเข้าร่วมราว 600-700 คน รวมถึงการจัดแสดงสินค้าและบริการด้านท่องเที่ยว เพื่อสนองนโยบายประชารัฐของรัฐบาลด้วย