คลังมั่นใจดึงไทยหลุดพ้นปท.รายได้ต่ำแน่นอน!!

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษ การกำกับดูแลการเงินการคลังในยุค 4.0 ว่า ในการกำกับดูแลการเงินการคลังในยุคไทยแลนด์ 4.0 หมายถึงการปรับโครงสร้างในเชิงเศรษฐกิจ โดยใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสิ่งที่กระทรวงการคลังดำเนินการ ประกอบด้วย การสร้างความมั่นคงทางการเงินการคลัง การสร้างการเจริญเติบโต กระจายรายได้ การเพิ่มประสิทธิภาพ การลดความเหลื่อมล้ำ และการจัดเก็บรายได้

สำหรับในเรื่องความมั่นคงทางการเงินการคลังนั้น กระทรวงการคลัง พยายามสร้างกฎหมาย เรื่องวินัยการเงินการคลัง เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศใช้จ่ายมากเกินไป โดยปัจจุบันกำหนดกรอบหนี้สาธารณะไว้ที่ 60% ของจีดีพี ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 42% ทั้งนี้ ยืนยันว่า จากการดำเนินนโยบายโครงการต่างๆของภาครัฐทีดำเนินการอยู่ปัจจุบันนี้ จะส่งผลให้กรอบหนี้สาธารณะของไทยในอีก 4-5 ปีข้างหน้า ยังอยู่ในระดับที่ 48-49% ของจีดีพี ขณะที่เป้าขาดดุลงบประมาณจะต้องไม่เกิน 3% ของจีดีพี

ขณะที่เรื่องการสร้างการเจริญเติบโตนั้น เมื่อเศรษฐกิจมาถึงระดับหนึ่งในแบบอุตสาหกรรมเดิมๆ ดังนั้น รัฐบาลจึงมีนโยบายการสนับสนุนผู้ประกอบการใหม่เพิ่มเติม ซึ่งประกอบด้วย 5 อุตสาหกรรมเดิม เติมอุตสาหกรรมใหม่ รวมเป็น 10 อุตสาหกรรม โดยให้สิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ รวมถึงการผลักดันโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ หรือ อีอีซี ด้วย การผลักดันเนชั่นแนล อี-เพย์เม้น เพื่อปรับพื้นฐานทางการเงินไทย ช่วยอำนวยความสะดวก โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ และเป็นการลดต้นทุนทางการเงินในการบริหารจัดการเงินสด นอกจากนี้ เชื่อว่าจะช่วยลดการคอรัปชั่นได้ด้วย

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการรัฐ เพราะเป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่ยืนยันว่า จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จะต้องเติบโตไปพร้อมกัน เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และเชื่อว่า จากสิ่งที่รัฐบาลตั้งใจทำ จะทำให้ในอนาคตไทยจะหลุดพ้นจากประเทศที่มีรายได้น้อยได้แน่นอน ซึ่งการปรับปรุงฐานภาษี ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มความโปร่งใสในการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งจะลดความรั่วไหล และการทุจริตได้ โดยไทยพยายามแก้ไขปัญหาการจัดเก็บรายได้ที่มีแนวโน้มลดลง การสร้างมาตรฐานบัญชีเดียวในภาคธุรกิจเอสเอ็มอี และการปรับการจัดซื้อจัดจ้าง หรือ อีบิดดิ้งด้วย ซึ่งมั่นใจว่า สิ่งที่ดำเนินการนั้น จะช่วยยกระดับประเทศ ส่งเสริมการแข่งขัน และสร้างความมั่นคงทางการเงินการคลังได้อย่างแน่นอน