"ส.บอล"แถลงหลังเจ๊ายูเออี-เผยแผนในอนาคต

"ส.บอล"แถลงหลังเจ๊ายูเออี-เผยแผนในอนาคต

สมาคมกีฬาฟุตบอลฯพากุนซือช้างศึกมาแถลงข่าวหลังจบเกมกับยูเออี เพื่อสรุปผล และเผยถึงแผนในอนาคต

      วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 11.00 น. ณ ที่ทำการสมาคมฯ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดงานแถลงข่าวเพื่อสรุปเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่มบี นัดที่แปด ที่ทีมชาติไทย เสมอกับ ทีมชาติสหรัฐ อาหรับ เอมิเรตส์ 1-1 ในเกมล่าสุด

      การแถลงข่าวครั้งนี้ ประกอบไปด้วย พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ และ มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอน พร้อมด้วยทีมสต๊าฟฟ์โค้ช

      โดย ทาง พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าวว่า "วันนี้เราก็ได้จัดการประชุมกัน ระหว่างสมาคมฯกับโค้ช เพื่อรายงานและสรุปประเมินผลการแข่งขันที่เกิดขึ้นในเกมเมื่อวานนี้ของทีมชาติไทย ทั้งปัญหา ข้อบกพร่อง สิ่งที่พบเห็นและได้บอกกล่าวถึงแผนพัฒนาในอนาคต ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถามเกี่ยวกับข้อสงสัยที่อยากรู้ ผมในฐานะ นายกสมาคมฯ ก็ต้องขอขอบคุณ น้องๆนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทยทุกคน ทั้งที่ได้ลงทำหน้าที่ และไม่ได้ลงทำหน้าที่รวมถึงน้องๆ ที่มีอาการบาดเจ็บไม่สมบูรณ์และไม่ได้ลงการแข่งขัน ก็คิดว่าแมตช์ต่อๆไปจะได้ทำงานด้วยกัน ขอบคุณโค้ชมิโลวาน ราเยวัช และ ทีมงานทุกท่าน รวมถึงเจ้าหน้าที่สมาคมฯ ผู้เกี่ยวข้องที่จัดการแข่งขัน ที่ได้ร่วมกันทำและสร้างรอยยิ้มเล็กๆให้กับแฟนบอลชาวไทย ขอบคุณสโมสรต้นสังกัด ของนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย ขอบคุณแฟนบอล ขอบคุณสื่อมวลชน ขอบคุณสปอนเซอร์ และผู้สนับสนุนทั้งหลาย และทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการแข่งขัน"

      "วันต่อๆไปที่ทีมชาติไทยมีภารกิจในแมตช์สำคัญทั้งในคิงส์ คัพ และแมตช์ที่เราเป็นเจ้าบ้านในการเจอกับ อิรัก และ ต้องไปเยือนทีมชาติออสเตรเลีย ก็เป็นเรื่องที่ทางสมาคมฯต้องได้รับความร่วมมือจากสโมสรและต้นสังกัดของนักกีฬา ทีมโค้ชและผู้ฝึกสอนและทีมงาน และก็แฟนบอลชาวไทย เสียงเชียร์ กำลังใจจะทำให้พวกเรา สมาคมฯ และ นักกีฬาและโค้ช, ทีมงานมีกำลังใจที่จะสร้างผลงานที่เป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนคนไทยมีความสุข หวังว่าในเกมต่อๆไป สิ่งหนึ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จก็คือการร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ผมเอ่ยมา โดยเฉพาะแฟนบอลที่เปรียบเสมือนผู้เล่นคนที่สิบสอง หากขาดซึ่งแฟนบอล เราคงยืนอยู่ไม่ได้ ก็ต้องฝากบอกแฟนบอลนะครับ แรงเชียร์ทั้งที่สนามหรือหน้าจอทีวี ที่ส่งกำลังใจให้ทีมงาน มันคือน้ำทิพย์ คือสิ่งที่เราต้องการมากที่สุด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยจะอยู่ในการสนับสนุนของแฟนบอลชาวไทยยิ่งๆขึ้นไป และตลอดไป"

      "ก่อนการแถลงข่าวผมก็ได้คุยกับโค้ช เพื่อสรุปรายงานการแข่งขัน ปัญหาและอุปสรรค รวมถึงข้อบกพร่องต่างๆ สิ่งที่ผมถามคือมาตรฐานของนักฟุตบอลทีมชาติไทยนั้นสามารถพัฒนาขึ้นได้อีกหรือไม่ ซึ่งโค้ชและทีมงานก็บอกว่ามีโอกาสดี เพราะว่าโค้ชก็ไม่คาดคิดว่านักกีฬาจะมีมาตรฐานขนาดนี้ หากเตรียมทีมถูกวิธี และนำเทคนิคมาใช้ ทีมชาติไทยจะเล่นได้อย่างมีศักยภาพที่สูงกว่าที่ผ่านมา"

      "ส่วนเรื่องปัญหาที่เขาบอกก็คือเรื่องเวลา เพราะเขาอยู่ที่นี่แค่หนึ่งเดือน และมีเวลาเก็บตัวเพียงหนึ่งสัปดาห์ และนักกีฬาเมืองทอง ยูไนเต็ด ก็มีโปรแกรมการแข่งขัน ทีมชาติไทยยังไม่สมบูรณ์ เพราะมีนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บหลายราย ทั้งธีรศิลป์, ชนาธิป, ทริสตอง โด และ ธีราทร ถ้าเขามีเวลามากกว่านี้ และโอกาสที่มากกว่านี้ โค้ชมั่นใจว่าจะสร้างทีมชาติไทยที่ดีกว่าทีผ่่านมาได้แน่นอน นั่นคือสิ่งที่โค้ชบอกกับผม"

      "สิ่งที่โค้ชบอกว่าสำคัญมากก็คือเขาต้องดูเกมการแข่งขันด้วยตาของเขาเอง ว่านักเตะคนไหนมีศักยภาพและความสามารถพิเศษ และต่อยอดได้ และคิดว่านักเตะคนไหนจะมาเติมเต็มให้ทีมชาติไทยแข็งแกร่งขึ้น และเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้กับนักเตะหน้าใหม่ เขาไม่ได้มองว่ารุ่นนี้หรือรุ่นเก่าไม่สำคัญ แต่เราต้องคิดถึงอนาคตด้วย ถ้าเกิดมีใครได้รับบาดเจ็บ หรือ เลิกเล่น เราก็มีตัวตายตัวแทน นั่นคือสิ่งที่โค้ชคิด พอโค้ชได้ลงไปดูที่สนามด้วยตัวเอง มันก็เกิดการแข่งขัน ทุกคนอยากติดทีมชาติ รับใช้ชาติ การแข่งขันในนักเตะมันนำไปสู่การพัฒนา เพื่อที่จะแข่งขันไปถึงจุดหมายปลายทางทั้งการเป็นตัวจริงในทีมสโมสร และได้เป็นตัวแทนของทีมชาติ แฟนบอลและสื่อน่าจะเห็นว่าเกมกับยูเออี ได้เกิดนักเตะหน้าใหม่ๆหลายคน และเป็นบททดสอบว่าบางตำแหน่งยังมีคนที่ทำหน้าที่ได้ดีกว่าที่ผ่านมา เป็นมุมมองของโค้ชแต่ละท่านที่แตกต่างกัน หากโค้ชได้มีเวลาไปดูการแข่งขันมากขึ้น ผมเชื่อว่าเขาจะสร้างทีมชาติไทย ที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพ นี่คือสิ่งที่เราพูดคุยกัน ทางสมาคมเมื่อมอบหมายให้เขาทำแล้ว เราให้เกียรติ เราจะให้การสนับสนุนเต็มที่ ทั้งเรื่องกิน อยู่ หลับ นอน ส่วนเรื่องในสนามเป็นของโค้ช เราไม่มีการก้าวก่ายกัน เราเชื่อมั่นว่าถ้าผม สภากรรมการ ช่วยกันวางกรอบการพัฒนาฟุตบอลของไทย เป็นไปตามทิศทางที่เราคิดและมันส่งผลดี ผมเชื่อว่าอนาคตทีมฟุตบอลทีมชาติไทยคงไม่เป็นรองใครในเอเชีย และมั่นใจว่าในเวลาอันใกล้ขึ้น เราอาจจะไม่ต้องรอถึงปี 2026 เราอาจจะได้ไปฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้"

      "ถ้าจะให้คะแนนกับโค้ช ผมบอกว่าผมพึงพอใจ แต่ต้องขอโทษแฟนบอลด้วย เราผิดหวัง เราไม่น่าเสมอ เราน่าจะชนะในเกมนี้ แต่นี่คือบทเรียน ซึ่งบอกว่าทีมชาติไทยจะต้องพัฒนาอีก หลุดจากอดีตที่แพ้มาเสมอ มันก็ถือว่าชนะแล้ว เพราะฉะนั้นมันเป็นเครื่องบอกเหตุว่าทีมชาติไทยสามารถพัฒนาได้ จากทีมที่เคยแพ้ มาเป็นผลเสมอ ถ้าเรามุ่งมั่น ตั้งใจ ร่วมใจกัน มันไม่เกินฝันที่เราจะทำได้ จากเสมอวันนี้เราอาจจะชนะได้ในอนาคต ผลเสมอนัดนี้บอกโค้ชและนักกีฬาว่า ทีมชาติไทยยังต้องพัฒนาขึ้นไปอีกเพื่อชัยชนะ เราต้องดูกันต่อไป"

      "จริงๆแล้วโค้ชพูดตลอดเวลา นักเตะทุกคนต้องรักษามาตรฐานไว้ การเล่นกีฬาไม่ใช่เล่นไปเรื่อยๆต้องมีมาตรฐาน กีฬาไม่ใช่ว่าจะเล่นดีตลอด ทุกคนก็มีความหวัง คุณมีโอกาสเป็นทีมชาติ คุณอาจจะต้องถูกดร็อปถ้ารักษามาตรฐานไม่ได้ ต่อไปนี้ทุกคนต้องแข่งขัน แข่งขันกับตัวเอง ให้สุขภาพแข็งแรง ทุกวันนี้โอกาสเปิดกว้าง โค้ชไปดูที่สนามด้วยตัวเอง ใครทำดีโค้ชก็เห็น วันนี้ติดวันหน้าอาจจะไม่ติด วันนี้ไม่ติดวันหน้าอาจจะติดก็เป็นได้"
"กีฬาไม่มีสูตรสำเร็จ เราบอกไม่ได้ว่า เราเก่งแล้วคนอื่นเก่งหรือไม่ สิ่งสำคัญคือเราต้องพัฒนาตัวเอง แข่งกับตัวเองก่อนแข่งกับเขา ถ้าเราเจอทีมที่แข็งแกร่งกว่าในระดับเอเชีย เราต้องยกระดับมาตรฐานไปสู้กับเขา ในทุกเรื่องๆ เราต้องพร้อมกว่าคนที่เก่งกว่า เราคิดว่าถ้าโค้ชได้อยู่เมืองไทย ได้ศึกษามากขึ้น มันน่าจะดีกว่านี้ เพราะที่ผ่านมาแค่สิบกว่าวันทำได้ขนาดนี้"

      "ส่วนเรื่องคิงส์ คัพ ตอนนี้เราก็กำลังเจรจา มันมีการตกลง ยกเลิก ตลอดเวลา เราอยากได้ทีมที่มีศักยภาพ และเราดูฟุตบอลได้สนุก คนไทยได้เห็นทีมเก่งๆ เราก็จะพยายามแต่เนื่องจาก คิงส์ คัพ ไม่ใช่ช่วงฟีฟ่า เดย์ ทีมที่ถูกเชิญมาแข่งขันก็ค่อนข้างจะยาก ผมขอเวลาอีกเล็กน้อย น่าจะไม่นานกว่านี้น่าจะได้ข้อสรุป เราไม่อยากเจอกับปัญหา เราอยากได้ทีมดีๆ เพื่อคู่ควรกับถ้วยพระราชทาน ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ประกาศชื่อทีมที่มาแข่งต้องเหมาะสมกับเกียรติของถ้วยพระราชทาน"

      ด้าน มิโลวาน ราเยวัช กล่าวว่า "ผมอยากขอบคุณ นายกสมาคมฯ, สมาคมฯ, ทีมงาน,นักกีฬาทุกท่าน และสื่อมวลชนกับแฟนบอลที่ได้มาในสนามและเชียร์ทางบ้าน สำหรับความทรงจำที่สวยงามในเกมนี้ จากการเก็บตัวรอบนี้ เรามีเวลาสองสัปดาห์ ในการเก็บตัวสัปดาห์แรก เราขาดผู้เล่นหลายคนเนื่องจากนักเตะของเมืองทอง ยูไนเต็ด มีโปรแกรมการแข่งขัน ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในเกมกับอุซเบกิสถาน และ ยูเออี ผมขอขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องในการเก็บตัว การเก็บตัวรอบนี้สภาพแวดล้อมหรือสมบูรณ์มาก ทั้งความสงบและเข้าใจทุกคน แม้เวลาจะจำกัด การสัมภาษณ์ต่างๆ ผมมองว่าเราได้โฟกัสการแข่งขันเต็มที่ ผมอยากขอบคุณทุกคนที่เข้าใจการทำงานของเราในรอบนี้"

      "ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการเก็บตัว ต้องยอมรับว่ายูเออีเหนือกว่าชัดเจน ผมพอใจความกระหายของทุกคน แต่ว่าความพอใจเราไม่ได้สูงมาก เพราะเราไม่สามารถเอาชนะได้ แต่เมื่อมองภาพรวมผมคิดว่าเรากำลังพัฒนาไปในทางที่ถูกต้อง ผมอยากใช้โอกาสนี้ในการเชิญชวนแฟนบอลทุกท่านมาร่วมเชียร์ทีมชาติไทย ทั้งในคิงส์ คัพ เดือนกรกฎาคม ผมหวังว่าทีมจะพัฒนายิ่งขึ้น และทีมเวิร์คกับผลการแข่งขันก็จะดีขึ้น โดยเฉพาะเกมกับอิรักที่เป็นเกมที่เราเป็นเจ้าบ้านในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกนัดสุดท้าย ผมคิดว่าเรามีโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์เก็บสามคะแนนแรกในรอบนี้ และอยากเชิญชวนแฟนบอลมาเชียร์ที่สนามกันเยอะๆ และส่งแรงเชียร์เป็นผู้เล่นคนที่ 12"

      "ส่วนตัวผม ผมคิดว่าต้องพัฒนาเรื่องการวางแผน และแท็คติก ในการเล่นเกมรับ ป้องกันประตู เห็นได้ว่าเราต้องมีการสวนกลับที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นมันสำคัญมากสำหรับการเล่นเกมรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันเกมนี้มีความเข้มข้นสูงมาก ในการแข่งขันรอบนี้ เรามีประตูได้เสียติดลบ 16 ทำให้เราคิดว่าเราต้องปรับปรุงเรื่องเกมรับ และมีวินัยที่ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องผู้เล่นว่าหน้าที่รับผิดชอบคืออะไร ขั้นต่อไปเราต้องพัฒนาเรื่องเกมบุก โดยเฉพาะเรื่องการโต้กลับ และเรื่องการสร้างเกมรุก ทีมที่ดีสุดในโลกในระดับทีมชาติและสโมสร ต่างต้องมีการวางแผน เกมรับคือสิ่งสำคัญของทีมที่ดีเหล่านั้น มันเหมือนเกมอเมริกันฟุตบอล แฟนบอลหลายคนต่างบอกว่าตั้งรับให้ดี ตั้งรับให้ดี ในส่วนของทีมชาติไทยต้องมีเกมรับที่ดี รวมถึงเกมรุกที่ต้องดีขึ้น เพื่อที่จะทำประตูให้ได้"

      "ตัวผมเองปัจจัยหลายๆอย่างส่งผลให้เรามีความหวังในเกมเจอกับอิรัก เพราะแนวทางพัฒนาต่างๆ และเวลาที่เรามีเวลามากขึ้นในการเตรียมตัวทั้งการทำงานเป็นทีมเวิร์ค เวลาที่ผ่านมาค่อนข้างจำกัด ผมมองว่ามุมมองและความกระหายน่าจะลดปัญหาต่างๆ และสามารถมีความหวังในเกมนัดหน้าได้"

      "เรื่องครอบครัว ทีมงานและโค้ชทุกคนเข้าใจกันเป็นอย่างดี ประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมก็ผ่านฟุตบอลโลก มาหลายครั้ง และก็ต้องห่างกับภรรยา แต่ตอนนี้ภรรยาของผมก็อยู่ที่เมืองไทย เราก็ติดต่อกันตลอด ครอบครัวของผมทุกคนมีความตั้งใจและกระหายที่จะเห็นผมสร้างผลงานที่ดีออกมา"

      "ผมขอย้ำอีกครั้ง เกมกับยูเออี ผมคิดว่าเป็นเกมที่สนุกตื่นเต้น ขอบคุณนักฟุตบอลทุกท่านอีกรอบ ทั้งคนที่ลงสนามและไม่ได้ลงสนาม ทุกคนทำผลงานได้ดี ผมพอใจกับผลงานมาก แม้จะเก็บสามคะแนนไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นการเตรียมตัวรอบนี้เป็นครั้งแรก ที่ผมเข้ามาทำงาน เวลาค่อนข้างจำกัด นักฟุตบอลก็ยังมีไม่ครบ ในอนาคตผมจะพัฒนาเพื่อทำให้ดีขึ้นไปอีกระดับ"

      "ส่วนตัวผมไม่คิดว่าอยากให้ทีมชาติเราเป็นเหมือนชาติอื่นๆ ในเรื่องของสไตล์การเล่น เพราะโค้ชทุกคนมีปรัชญาการทำทีมที่แตกต่างกัน ผมมองว่าสไตล์การเล่นของเรา เราก็มีแบบแผน สำหรับผมการทำทีมก็จะพยายามหาสิ่งแปลกใหม่ต่อๆไป แต่ละเกมก็อาจจะแตกต่างกันออกไป เกมเมื่อวานต้องยอมรับ ยูเออี เหนือกว่า และมีนักเตะที่มีคุณภาพมากกว่า ทำให้เราต้องมีวินัยในเกมรับที่สูง การเจอกับทีมสูงกว่า เท่ากว่า หรือต่ำกว่า สไตล์ก็จะแตกต่างกันออกไป ที่ผ่านมาเราปรับปรุงเรื่องเกมรับ แต่เวลามีจำกัด หลังจากนี้ผมก็จะพยายามปรับปรุงเรื่องการโต้กลับ หรือการเล่นเกมรุก ผมหวังว่าในอนาคตเราจะทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ"

      "ถ้าเราสามารถเข้าสู่รอบต่อไป เราต้องพยายามปรับปรุงในหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องการโต้กลับ แต่จุดเด่นที่เราเห็นชัดก่อนหน้านี้คือเรื่องเกมรับที่เราเสียประตูมามากในนัดที่ผ่านๆมา มันจึงเป็นเรื่องแรกที่ผมให้ความสนใจและต้องแก้ไขเป็นการด่วน"

      "จากรูปเกมกับยูเออี และ ทิศทางการพัฒนา ผู้เล่นไทยมีพรสวรรค์เยอะ ทุกคนยินดีที่ทำงานหนัก และทัศนคติก็ดี และเมื่อนำมารวมกัน ปัจจัยทุกอย่างจะทำให้เราพัฒนาไปในทิศทางที่ดีในอนาคต ทุกคนเข้าใจแท็คติก เข้าใจหน้าที่และความรับผิดชอบ และ มีความกระหาย ผมมองว่าเราต้องพัฒนาหลายอย่าง เกมรับและรุกที่ดีขึ้น หลายๆอย่างจะทำให้เราสู้กับทีมที่ดีกว่าได้ดีในอนาคต ถ้าเรามีเวลาเพิ่มและทำงานได้ดีอย่างต่อเนื่องก็จะสามารถเป็นท็อปเท็นของเอเชียได้แน่นอน"

      "การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ในเดือนกรกฎาคม ถือเป็นรายการที่สำคัญสำหรับทีมของเราและประเทศชาติ ส่วนตัวผมการทำทีมรอบหน้าเราจะต้องมีความมืออาชีพ เราต้องรู้จักตัวเองได้ดีขึ้น และเราก็จะมีเวลามากขึ้นที่จะไปดูการแข่งขัน และมีโอกาสได้เห็นผู้เล่นหน้าใหม่ ส่วนตัวหลักคนอื่นๆ ก็จะคล้ายแบบเดิม เรื่องเวลาที่มีอยู่ มันเป็นหน้าที่รับผิดชอบของเราที่ต้องดูการแข่งขันให้มากที่สุด ในทุกระดับ เพื่อเฟ้นหาผู้เล่นหน้าใหม่ ในการเข้าเสริมศักยภาพให้ทีมชาติไทยแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมในอนาคต"