Daily Market Outlook (14 มิ.ย.60)

Daily Market Outlook (14 มิ.ย.60)

ตลาดเตรียมใจสำหรับ Fed ไปแล้ว

คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นตามหุ้นสหรัฐ ซึ่งทำจุดสูงสุดใหม่อีกแล้วก่อนการประชุม Fed ที่คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยแน่ และจะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก รวมทั้งแนวทางการลดการกระตุ้นทางการเงิน คำให้การของอัยการสูงสุดสหรัฐกลายเป็นไม่มีผลต่อ Trump เพราะตลอดการให้การเขาไม่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นโทษเลย ภายในประเทศ EARTH ที่หยุดจ่ายคืนดอกเบี้ย และเงินต้นตั๋ว B/E อาจเป็นปัญหาสำหรับ KTB ที่มีสินเชื่อให้ EARTH 1.2 หมื่นล้านบาท เราปรับคำแนะนำต่อ KTBลงเป็น ถือ สำหรับ KBANK และ BAY เนื่องจากขนาดสินเชื่อที่ให้แก่ EARTH มีแค่เพียง 3.8 พันล้าน และ 1.2 พันล้านตามลำดับ ไม่น่าเป็นปัญหามาก หากแม้สินเชื่อทั้งสองกลายเป็น NPL จริง

หุ้นเด่นวันนี้: HMPRO (ราคาปิด 9.65 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท)

บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์น่าจะได้ประโยชน์จากการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และมาตรการกระตุ้นของภาครัฐจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเพิ่มการใช้จ่ายภายในประเทศ แม้ความเชื่อมั่นผู้บริโภค จะลดลงเพราะประเด็นเรื่องความไม่สงบทางการเมือง คือ เหตุระเบิดที่ผ่านมา เราคาดว่าน่าจะเป็นปัจจัยรบกวนระยะสั้น แต่ระยะยาวการบริโภคน่าจะกลับมาดีต่อในระยะยาว HMPRO มีสาขา 80 สาขารูปแบบโฮมโปรและ 11 สาขาภายใต้รูปแบบเมกะโฮมทั่วประเทศ และมีอีกสองสาขาในมาเลเซีย ปีนี้บริษัทวางแผนจะเปิดโฮมโปร 2-3 สาขา เมกาโฮม 2-3 สาขาและ 2-3 สาขาในประเทศมาเลเซีย บริษัทได้เพิ่มไลน์ธุรกิจรูปแบบใหม่ "HomePro S" ซึ่งเป็นสโตร์ขนาดเล็ก เพื่อจับกลุ่มลูกค้าและขยายฐานลูกค้าใหม่ ในใจกลางกรุงเทพมหานคร ให้ได้เข้าถึงสินค้าตกแต่งบ้านมากขึ้นจากการที่ความต้องการสินค้าในกลางเมืองมีการเติบโตขึ้น บริษัทจะเปิด Homepro S สาขาแรกที่เกตเวย์ เอกมัย หากเศรษฐกิจฟื้นตัวชัดกว่านี้เราก็คาดว่า HMPRO จะยิ่งรุกเปิดสาขามากกว่านี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการขยายสาขาในลาว พม่า กัมพูชา และเวียดนามเพิ่มเติม HMPRO ยังมีกลยุทธ์ผลักดันสินค้าแบรนด์ตัวเอง (private brand) ก็น่าจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นเข้าไปอีก บริษัทสามารถรักษาลูกค้าได้อย่างดีจากการมีบริการหลังการขายที่ครบถ้วน หลากหลายและเชื่อใจได้สอดรับกับความต้องการของลูกค้า บริการเสริมไม่เพียงจะเพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้าแต่ยังช่วยเพิ่มรายได้ด้วย เราคาดว่ากำไรต่อหุ้นน่าจะเติบโตได้ 14% ปีนี้และ 15% ปี 60 Price Pattern ของ HMPRO ยังคงแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Sell Signal โดย Price Pattern ของ HMPRO มีเพียงความแข็งแกร่งในระยะกลางจากการเกิด Weekly Buy Signal เท่านั้น อย่างไรก็ตาม Price Pattern ของ HMPRO สามารถปรับตัวขึ้นมาปิดตลาดเหนือ 9.75 บาทได้สำเร็จ ก็จะทำให้กลับมาเกิดความแข็งแกร่งในระยะสั้นจากการกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ HMPRO ยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ โดยมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 9.95 บาท ซึ่งหาก Price Pattern ของ HMPRO สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 9.95 บาทได้ ก็จะมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 10.20 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 10.50 บาท ตามลำดับ (แนวต้าน: 9.70, 9.80, 9.90; แนวรับ: 9.55, 9.45, 9.35)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• นายกรัฐมนตรีไทย จะประกาศใช้ ม.44 สัปดาห์หน้า เพื่อปลดล็อกปัญหา 2 เรื่องรวด "ปัญหาแหล่งปิโตรเลียมบนพื้นที่ส.ป.ก.ที่ทำให้ PTTEP ต้องทำการหยุดผลิตบางส่วนที่แหล่ง S1 และปัญหารถไฟไทย-จีน (ข่าวหุ้น) ความเห็น: เราคาดว่าเรื่องนี้ส่งผลบวกให้กับ PTTEP (ราคาปิด 89.50 บาท) เพื่อคลี่คลายความกังวลที่เรื่องนี้กระทบต่อรายได้ของ PTTEP มาตั้งแต่ 3 มิ.ย.60 หากนานไปจะกระทบรายได้ในปีนี้ได้มากถึง 3%-6% หากปล่อยให้หยุดผลิตนานต่อไป อย่างไรก็ตาม เรายังแนะนำขาย PTTEP ราคาเป้าหมาย 78 บาท เนื่องจากเราเห็นว่าราคาน้ำมันที่มีทิศทางอ่อนแอส่งผลกระทบกับบริษัทมากกว่าเรื่อง ส.ป.ก.

• ครม.ตั้งบรอดแบนด์แห่งชาติครม.ไฟเขียว ทีโอที-กสท โทรคมนาคม ตั้ง 2 บริษัทลูกดูแลธุรกิจการให้บริการโครงข่ายบรอดแบนด์ทั้งในและต่างประเทศ แก้ปัญหาทางการเงิน 2 รัฐวิสาหกิจ (ไทยโพสต์) ความเห็น: บริษัทที่เกี่ยวกับวางระบบและรับเหมาด้านไอซีทีน่าจะได้ประโยชน์จากงานที่น่าจะมีออกมามากขึ้น อย่างไรก็ดีผลต่อค่ายมือถือน่าจะน้อยกว่าที่ตลาดคาดกัน

• ลุ้นกนพ.หั่นค่าเช่าเขตศก.พิเศษอธิบดีกรมธนารักษ์คนใหม่พร้อมสานต่องานเดิม เล็งลดค่าเช่าเขตเศรษฐกิจพิเศษหนุนลงทุนเอกชน ลุ้นผลประชุม กนพ. 15 มิ.ย. (มติชน)

• ลุ้นคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติในวันนี้ เพื่อชิงเค้กโซลาร์ราชการ-สหกรณ์ เฟส 2 ที่เปิดรับซื้อไฟฟ้ารวม 219 MW ดีเดย์จับสลาก 26 มิ.ย.นี้ โดยเงื่อนไขโซลาร์ฟาร์มใหม่ จะกำหนดค่าไฟฟ้า 4.12 บาทต่อหน่วย ต่ำกว่าชุดเดิมที่ 5.66 บาทต่อหน่วย (ข่าวหุ้น)ความเห็น: คาด บจ.ในตลาดเตรียมเข้าประมูลหลายราย น่าจะมี SUPER-GUNKUL-RATCH-BCPG-PSTC-ETE เราเชื่อว่าการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ยังให้ IRR ของส่วนของผู้ถือหุ้นที่ดีเช่นเดียวกับโซลาร์ฟาร์มชุดเดิม เนื่องจากต้นทุนการผลิตต่อ MW ลดลง 30%

• KTB (ราคาปิด 18.90 บาท; ถือ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 22.00 บาท) แหล่งข่าวกล่าวว่าสินเชื่อที่ KTB ปล่อยกู้ต่อ EARTH อาจมีประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท และสินเชื่อที่ KBANK (ราคาปิด 191.50 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 217.00 บาท) และ BAY (ราคาปิด 36.50 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 46.00 บาท) ปล่อยกู้ คาดว่ามีประมาณ 3.8 พันล้านบาทและ 1.2 พันล้านบาท ตามลำดับ (Kaohoon)ความเห็น: ถ้าสินเชื่อก้อนดังกล่าวกลายเป็นหนี้เสียจริง เราคาดว่าสัดส่วนการตั้งสำรองฯต่อสินเชื่อ (credit cost) ปี 60 ของ KTB จะปรับตัวขึ้น 45bps มาอยู่ที่ 195bps ซึ่งจะทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ของเราปรับตัวลง 19% อยู่ที่ 2.83 หมื่นล้านบาท (-12.3% YoY) และจะส่งผลให้ราคาเป้าหมายปี 60 ของเราลงมาอยู่ที่ 20.50 บาท จาก 22.00 บาท อย่างไรก็ตาม เรายังคงประมาณการของเราไว้ก่อนแต่เราแนะนำให้นักลงทุนเพียงแค่ ถือ จากความเสี่ยงดังกล่าว ในระหว่างที่ เราเชื่อว่าปัจจัยนี้จะไม่ส่งผลต่อ KBANK มากเนื่องจากธนาคารมีนโยบายในการตั้งสำรองที่อนุรักษ์นิยมมาก โดยมีเป้า credit cost ปี 60 ที่สูงถึง 200-225bps นอกจากนี้ BAY น่าจะได้ผลกระทบเล็กน้อย หรือเพียงแค่ 3% ของกำไรสุทธิ

ต่างประเทศ:

• การเข้าให้การของนาย Jeff Sessions ไม่มีข้อมูลใหม่ ที่เกี่ยวกับความเกี่ยวข้องใด ๆ ระหว่างทีมหาเสียงเลือกตั้งของทรัมป์กับรัสเซียหรือการปลดนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI เขากล่าวว่าเป็นเรื่องโกหกอย่างน่ารังเกียจที่มีการกล่าวหาว่าเขาสมคบคิดกับรัสเซียในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2559 และเขาได้ปะทะกับสมาชิกพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับการปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับการสนทนาระหว่างตัวเขากับประธานาธิบดีทรัมป์ อย่างไรก็ตาม การที่เขาปฏิเสธที่จะพูดถึงการสนทนากับทรัมป์ก่อให้เกิดคำถามใหม่ ๆ ว่ารัฐบาลมีอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่ (Reuters)

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐระยะสั้นปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายสัปดาห์เมื่อวันอังคาร หลังจากมีข้อมูลใหม่แสดงถึงราคาของสินค้าในภาคบริการที่เพิ่มขึ้น แต่ตลาดแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงก่อนการประชุมเฟดในวันพุธนี้ อัตราผลตอบแทนปรับตัวลงจากระดับสูงสุดของวันและล่าสุดแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อวันจันทร์ โดยอัตราผลตอบแทนอายุ 3 ปี และ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 1.503% และ 1.363% ตามลำดับ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีล่าสุดอยู่ที่ระดับ 2.209% ลดลงจากที่ระดับ 2.213% เมื่อวันจันทร์ (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเมื่อวันอังคาร ก่อนการประชุมพิจารณาอัตราดอกเบี้ยของเฟดในวันพุธนี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ซึ่งวัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินทรงตัวอยู่ที่ระดับ 97.007 เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 110.11 เยน ส่วนเงินยูโรไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ระดับ 1.1210 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันอังคาร โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นและนักลงทุนปรับสถานะเพื่อรอรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่คาดว่าจะเกิดขึ้น หุ้นกลุ่มการเงิน พลังงานและกลุ่มผู้ผลิตวัสดุเป็นกลุ่มที่ดึงตลาดขึ้น หุ้นกลุ่มการเงิน ซึ่งมีแนวโน้มจะได้รับประโยชน์เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นได้ปรับตัวขึ้นหลังกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศแผนที่จะแก้ไขกรอบทางกฎระเบียบการเงินซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดคาดหวัง (Reuters)

• ราคาสินค้าภาคบริการปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ค. โดยได้ปัจจัยหนุนจากดัชนีความต้องการสินค้าภาคบริการขั้นสุดท้าย ซึ่งวัดความเปลี่ยนแปลงของส่วนต่างกำไรระหว่างผู้ค้าส่งกับผู้ค้าปลีก (Reuters)

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นวานนี้ เด้งขึ้นจากที่อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ก่อนหน้า หนุนโดยการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี มุมมองบวกมากขึ้นต่อหุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลี และความผ่อนคลายจากสถานการณ์หนี้ของกรีซ โดยหุ้นของกรีซปรับตัวขึ้นอย่างมากหลังจากทางรัฐให้ข่าวว่าข้อตกลงการประนีประนอมหนี้น่าจะบรรลุได้ในวันพฤหัสนี้ ส่งผลให้กรีซอาจได้สินเชื่อก้อนใหม่ (Reuters)

• ข้อตกลงการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยของเทเรซา เมย์ยังไม่เสร็จสิ้น และอาจกระทบกับกระบวนการ Brexitที่จะมีการหารือในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ โดยผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาส่งผลต่อสถานะของเมย์และกระบวนการ Brexitอย่างมาก และมีหลายๆ คนที่อยากจะให้ล้มแผน Brexitไป ซึ่งเมย์ต้องพยายามทำให้แผนของเธอเป็นที่พอใจต่อทั้งผู้สนับสนุนและผู้ต่อต้าน EU นอกจากนี้ เมย์ยังต้องพึ่งพิงนักกฎหมายของฝั่งที่ต่อต้าน EU เพื่อช่วยให้เธอได้ 326 ที่นั่งในรัฐสภา (Reuters)

เอเชีย:

• มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น Naruhito กล่าวเมื่อวันอังคารว่าเขาจะอุทิศตัวเป็นจักรพรรดิหลังจากที่มีการตรากฎหมายให้พระชนกสละราชบัลลังก์ ซึ่งจะเป็นการสละราชสมบัติครั้งแรกของจักรพรรดิญี่ปุ่นในสองศตวรรษ รัฐสภาญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์ประกาศใช้กฎหมายที่จะอนุญาตให้ Akihito พระจักรพรรดิวัย 83 ชันษา ก้าวลงจากตำแหน่งและสถาปนา Naruhitoวัย 57 ชันษาขึ้นเป็นจักรพรรดิ ซึ่งจะมีขึ้นในปลายปี 2561 หรือต้นปี 2562 (Reuters)

• หุ้นขนาดเล็กมีส่วนช่วยหนุนตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้นในวันอังคาร แต่การซื้อขายเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนยังระมัดระวังในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า ผู้ค้าส่วนใหญ่ในตลาดการเงินส่วนใหญ่คิดว่าธนาคารกลางจีนอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในสัปดาห์นี้ หากเฟดมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สำคัญ (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันปิดบวกวันอังคาร หลังจาก OPEC ลดการผลิตทั่วโลก แต่ OPEC ยังได้ระบุว่าการผลิตโดยรวม พ.ค. เพิ่มขึ้นและการผลิตของสหรัฐยังคงเพิ่มขึ้นต่อ น้ำมันดิบเบรนท์บวก 43 เซนต์ ปิดที่ 48.72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 38 เซนต์ (+0.6%) ปิดที่ 46.46 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ดีหลังปิดตลาด ราคาน้ำมันดิบก็ลดลงหลัง American Petroleum Institute ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นผิดคาดราว 2.8 ล้านบาร์เรลสำหรับสัปดาห์ สิ้นสุด 9 มิ.ย. สวนกับค่าคาดการณ์ว่าจะถอนออกราว 2.7 ล้านบาร์เรล การขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเพิ่มผลผลิตกว่า 10% นับแต่กลางปี 59 สู่กว่า 9.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน (Reuters)

• ราคาทองปรับตัวขึ้นเล็กน้อยวานนี้ เนื่องจากตลาดรอผลการประชุม Fed และการสอบปากคำของวุฒิสภาต่อ Jeff Sessions ในเรื่องที่เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัสเซีย ราคาทองคำตลาดจรเพิ่มขึ้น 0.16% อยู่ที่ 1,267.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำล่วงหน้าลดลงเล็กน้อย 0.3 ดอลลาร์หรือ 0.02% อยู่ที่ 1,268.6 ดอลลาร์ (Reuters)