หมอนิติวิทย์เปิดขั้นตอนไขปริศนาศพนิรนาม

หมอนิติวิทย์เปิดขั้นตอนไขปริศนาศพนิรนาม

"หมอนิติวิทย์"เปิดขั้นตอนไขปริศนาศพนิรนาม

คดีพบเด็กสาวอายุประมาณ 13 ปีถูกฆ่าถ่วงน้ำทิ้งคลองสำโรง เป็นอีกคดีหนึ่งที่เข้าข่ายการพบศพนิรนาม เพราะไม่ทราบว่าผู้ตายเป็นใคร ซึ่งจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งหาวิธีการยืนยันตัวบุคคลให้ได้โดยเร็วที่สุด 

“ทีมล่าความจริง” ได้ข้อมูลจาก นายแพทย์ สุรณรงค์ ศรีสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักนิติวิทยาศาสตร์บริการ 2 สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับการยืนยันเอกลักษณ์บุคคลของศพนิรนาม หรือศพไม่ทราบชื่อ โดยบอกว่า เมื่อพบศพนิรนาม จะมีขั้นตอนการยืนยันตัวบุคคลได้ ซึ่งแน่นอนว่าศพที่มีชิ้นส่วนครบ จะสามารถหาตัวตนได้ง่ายกว่าศพที่ถูกแยกชิ้นส่วน 

วิธีการเริ่มจากง่ายที่สุด คือ บริเวณศีรษะและใบหน้า หากยังมองเห็นใบหน้าได้ จะทราบได้ไม่ยากว่าเป็นใคร แต่หากใบหน้าถูกทำลาย ก็ยังสามารถยืนยันตัวบุคคลจากลายพิมพ์นิ้วมือ โดยสามารถนำไปเทียบกับสารบบทางทะเบียนราษฎร์ ซึ่งประเทศไทยมีเก็บไว้ แต่อาจจะต้องใช้เวลาในการประมวลผล 

คดีการพบศพหญิงสาวที่คลองสำโรงกำลังอยู่ในขั้นตอนนี้ ซึ่งจริงๆแล้ว นอกจากลายนิ้วมือ ยังสามารถหาตัวตนได้จาก DNA หรือสารพันธุกรรม  เอกลักษณ์ของฟัน เช่น การอุดฟัน หรือรอยพิมพ์ฟัน ลักษณะเฉพาะอื่นๆ เช่น รอยสัก ประวัติการรักษาพยาบาลต่างๆ เช่น รอยแผลที่เคยผ่าตัด ข้อต่อ กระดูก เป็นต้น 

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาสาเหตุการตาย สำหรับคดีนี้ สาเหตุการตายเบื้องต้นคือขาดอากาศหายใจ ซึ่งตามปกติ สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือ “สถานที่เกิดเหตุ” เนื่องจากเป็นจุดที่มีพยานหลักฐานที่อาจเชื่อมโยงไปถึงสาเหตุการตายได้ เช่น อาวุธที่ทำให้ตาย หรือมีพยานแวดล้อมอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ ในกรณีพบศพที่คลองสำโรง ก็พบว่ามีเชือกไนล่อนที่ใช้ผูกศพอยู่ด้วย 

ลำดับต่อมาคือ การตรวจสอบร่างกายผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนประกอบศพ วัสดุห่อหุ้มศพหลัง จากนั้นจึงเป็นการผ่าศพ ทั้งการใช้เทคโนโลยีเอกซเรย์ และผ่าพิสูจน์จริงๆ โดยผู้เชี่ยวชาญ กะบวนการนี้กำลังดำเนินการอยู่เช่นกัน 

หมอสุรณรงค์ บอกว่า การพิสูจน์ศพนิรนามมีความยากง่ายต่างกัน สำหรับคดีนี้ที่มีการนำศพมาทิ้งน้ำ ก็ถือว่ายากมากเหมือนกัน เพราะหากไม่มีพยานแวดล้อมอื่นๆ ผู้เชี่ยวชาญจำต้องใช้ความรู้ในศาสตร์อื่นๆ เข้ามาช่วย เช่น อุทกศาสตร์ เพื่อดูความเร็วของน้ำในลำน้ำ หรือทิศทางการไหลของน้ำ เพื่อหาจุดทิ้งศพให้ได้ 

ปัญหาที่ยังเหลือของคดีนี้ก็คือ ต้องการพิสูจน์ให้ได้ว่า ร่างที่เสียชีวิตนี้มีร่องรอยการถูกข่มขืนหรือไม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่บอกว่าพิสูจน์ยาก เพราะศพเน่าไปแล้ว / ประเด็นนี้ หมอสุรณรงค์ บอกว่า ในทางการแพทย์ การพิสูจน์จะบอกได้เพียงว่า เคยมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ ไม่ใช่การพิสูจน์ว่าถูกข่มขืนหรือไม่ เพราะข่มขืนหรือไม่ข่มขืนต้องดูองค์ประกอบอื่นด้วย ทั้งการบาดเจ็บภายนอก รอยช้ำ คราวนี้มาฟังคุณหมออธิบายกรณีที่ตรวจพิสูจน์ว่าผู้ตายเคยมีเพศสัมพันธ์มาหนทือเปล่า ในทางวิทยาศาสตร์จะดูจากอะไร 

อย่างที่คุณหมอบอก คือการข่มขืนในหลายกรณีก็ไม่พบการบาดเจ็บด้วย เพราะในช่วงเวลานั้น เหยื่ออาจอยู่โดนยานอนหลับ สารเสพติด หรือถูกข่มขู่ 

ส่วนที่บอกว่าตรวจสอบยากเพราะศพเน่าไปแล้ว คุณหมออธิบายว่า จริงๆ แล้วศพที่อยู่ในน้ำ หรือถูกฝังดิน จะเน่าช้ากว่าศพที่ถูกวางไว้เฉยๆ เพราะออกซิเจนที่เป็นปัจจัยทำให้ศพเน่ามีน้อยกว่า 

สำหรับคดีนี้ มีประเด็นที่ต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้เพิ่มเติม คือ เมื่อเหยื่อถูกฆาตกรรมแล้ว อาจไม่ได้ถูกนำไปทิ้งน้ำทันที เพราะอาจมีการนำไปซ่อนในสถานที่อื่นก่อน จึงต้องดูปัจจัยแวดล้อม เช่น เศษอาหารในกระเพาะ ที่ทานเข้าไปเป็นมื้อสุดท้าย 

กล่าวโดยสรุปก็คือ การพิสูจน์ตัวตนเมื่อเกิดการเสียชีวิตแบบเป็นปริศนาไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจำเป็นต้องใช้องค์ความรู้หลายแขนงประกอบกัน โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่สามารถหาพยานหลักฐานแวดล้อมได้เลย ทุกขั้นตอนตั้งแต่วินาทีแรกที่พบศพ ควรดำเนินการอย่างรอบคอบ ทั้งการปิดที่เกิดเหตุ การเก็บรวบรวมพยานหลักฐานและพยานแวดล้อมให้มากที่สุด นอกจากนั้นต้องตั้งสมมติฐานการตาย การตรวจพิสูจน์ทุกด้าน เพื่อให้สุดท้ายสามารถหาสาเหตุการตายที่แท้จริงได้อย่างไม่มีข้อสงสัย