กุลศรา โสณกุล ทายาทบิ๊กธุรกิจสระว่ายน้ำระดับเอเชีย

กุลศรา โสณกุล ทายาทบิ๊กธุรกิจสระว่ายน้ำระดับเอเชีย

“กุลศรา โสณกุล ณ อยุธยา” ทายาทหนึ่งเดียวของธุรกิจสระว่ายน้ำรายใหญ่ พร้อมเปิดใจเรียนรู้ ยอมรับและมองหาสิ่งใหม่ให้กับชีวิต ชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นที่สุดตั้งแต่ว่ายน้ำ โยคะจนถึงโหดๆ อย่างชกมวย ด้านชีวิตคู่ก็ต้องคอยเติมความหวานไม่ให้พร่อง

กายใจ น.1 ศุกร์ที่ 9 มิ.ย. กุลศรา โสณกุล ณ อยุธยา
เรื่อง : ลักษณ์ วุฒิศักดิ์
โปรย \\ ลูกไม้ใต้ต้นอย่างแท้จริง ไม่เคยสับสนกับการเดินบนเส้นทางตามที่ครอบครัวกำหนดทั้งยังใช้วิธีเดียวกันนี้กับทายาทของเธอ //
ชื่อเรื่อง // กุลศรา โสณกุล น้ำครึ่งแก้วในสระใหญ่

“น้ำครึ่งแก้ว” นิยามบ่งบอกความเป็น “กุลศรา โสณกุล ณ อยุธยา” ทายาทหนึ่งเดียวของธุรกิจสระว่ายน้ำรายใหญ่ระดับเอเชีย และคุณแม่ลูกสอง ที่พร้อมเปิดใจเรียนรู้ ยอมรับและมองหาสิ่งใหม่ๆ ให้กับชีวิต ล่าสุดเตรียมหัดเล่นเทนนิส หรือย้อนหลังไปเมื่อ 2 ปีก่อนก็เพิ่งหยิบจักรยานขึ้นมาหัดปั่น ยังไม่นับรวมความพยายามฝึกโยคะหัดชกมวยกระทั่งข้อนิ้วแตก ขณะเดียวกันก็ยังขวนขวายเติมเต็มความรู้เชิงเทคนิคสำหรับกิจการสระว่ายน้ำ ทั้งการออกแบบ ก่อสร้างและติดตั้ง ล้วนเป็นความรู้ที่ต้องอัพเดตตลอดเวลา มีคำศัพท์เฉพาะมากมายที่ใช้สื่อสารกันเองในกลุ่มช่าง แต่เธอก็พร้อมที่จะเติมน้ำในแก้วอยู่เรื่อยๆ แม้จะเป็นเรื่องที่เข้าใจยากสำหรับคนที่เรียนมาทางด้านการตลาด

ดราม่าเด็กนอก
         กุลศรา (โอปอ) ถูกส่งเข้าโรงเรียนประจำที่อังกฤษตั้งแต่อายุ 11 เป็นการเตรียมพร้อมของคุณพ่อ (ธำรงศักดิ์ สุจารีรัตน์) ที่ต้องการวางรากฐานความรู้โดยเฉพาะทักษะทางภาษาให้กับบุตรสาว ที่ต้องกลับมาบริหารธุรกิจสระว่ายน้ำและต้องติดต่อประสานงานกับผู้ประกอบการในต่างประเทศ
           “ตอนนั้นโรงเรียนอินเตอร์ยังมีไม่มาก การที่ลูกจะได้ภาษาต่างประเทศก็ต้องส่งไปเรียนเมืองนอก แม้จะเป็นลูกสาวคนเดียว แต่คุณพ่อซึ่งให้ความสำคัญกับทักษะด้านภาษา เห็นว่าเป็นสิ่งจำเป็นมากและเรื่องอนาคตที่ลูกต้องรับผิดชอบดูแลตัวเองได้ โอปออยู่โรงเรียนประจำตั้งแต่มัธยมต้นจนจบมัธยมปลาย แล้วต่อปริญญาตรี 3 ปี กลับมาฝึกงานในบริษัทโฆษณา 1 ปี แล้วกลับไปเรียนต่อปริญญาโทด้านการสื่อสารการตลาด (มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่น) เรียนจบก็กลับมาช่วยงานของครอบครัว”
       1 เดือนแรกในต่างแดนเป็นช่วงเวลาแห่งการปรับตัวเข้าหาสภาพแวดล้อมใหม่ ทักษะทางภาษาก็ไม่แข็งแรง แค่ได้แกรมม่าเล็กน้อย เธอเล่าย้อนความหลังว่า ร้องไห้ทุกวัน โทรศัพท์กลับไทยวันละหลายรอบ เขียนจดหมายเป็นปึกๆ แต่ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้หรือต่อรองขอกลับไปเรียนในไทย
            “ตอนไปใหม่ๆ น้ำหนัก 74 กิโลกรัม เป็นเด็กอ้วนมาก ไปอยู่ 2 เดือนลดลง 10 กิโลกรัม จากนั้นพอเข้าเดือนที่ 2 เริ่มปรับตัวได้ เริ่มสนุกกับกิจกรรมและเคยชินกับอาหาร เมืองซัมเมอร์เซตที่ไปเรียนก็อยู่ห่างไกลมากแทบจะไม่มีคนไทย จึงทำให้ได้ฝึกฝนทักษะทางภาษาได้เร็ว”
         นอกจากจะมีวิชาเรียนเหมือนเด็กอื่นๆ ในคลาสแล้ว เธอยังมีชั่วโมงเรียนเสริมด้านศาสนาด้วยการอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลทั้งเล่มให้เข้าใจ ถือเป็นยาขมสำหรับเธอ ซึ่งผลสอบติดศูนย์อยู่หลายครั้งกว่าจะผ่านพ้น แต่ก็ยอมรับว่าช่วยให้การใช้ภาษาอังกฤษแข็งแรงขึ้นอย่างมาก

+ ลูกสาวได้ดั่งใจพ่อ
         บริษัท พูลแอนด์สปา โปรดักส์ จำกัด ถือเป็นผู้บุกเบิกและพัฒนาธุรกิจสระว่ายน้ำในไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2518 จวบจนปัจจุบันมีผลงานกว่า 5 หมื่นสระทั่วประเทศ โอปอรู้ตัวโดยอัตโนมัติว่าต้องสานต่อธุรกิจของคุณพ่อ ไม่เคยคิดอยากจะเป็นสถาปนิก ดีไซเนอร์ ครู หมอ รู้แต่ว่าเรียนจบแล้วต้องกลับมาทำงานที่บ้าน
           “ป๋าค่อยๆ ปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก ปิดเทอมก็พาไปนั่งเล่นในออฟฟิศ โตมาอีกนิดก็ทำหน้าที่เด็กเดินเอกสารให้พนักงานในออฟฟิศบางทีไปช่วยแจกแคตตาลอกตามงานอีเว้นต์ เพื่อให้คุ้นเคยกับการทำงาน อีกทั้งคุณพ่อมีโอปอคนเดียว ถ้าไม่ทำแล้วใครจะทำ”
         ด้วยวิธีการเดียวกับคุณพ่อ เธอนำมาใช้กับลูกชายวัย 10 ขวบและลูกสายวัย 7 ขวบ พร้อมทั้งตั้งความหวังว่า 1 ใน 2 คนนี้จะมารับช่วงกิจการต่อจากเธอในฐานะทายาทรุ่นที่ 3
          “บริษัทเริ่มโดยคุณพ่อในสมัยที่ยังทำงานอยู่บริษัทขายเคมีภัณฑ์ รวมถึงสารเคมีที่ใช้กับสระว่ายน้ำอย่างคลอรีน แล้วก็เริ่มถูกถามถึงอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องปั๊มน้ำ เครื่องกรองน้ำ ทำให้มองเห็นศักยภาพของธุรกิจสระว่ายน้ำในไทยซึ่งเป็นเมืองร้อน จึงเดินทางไปต่างประเทศเพื่อศึกษาระบบ/เทคโนโลยีสระว่ายน้ำ แล้วพิจารณาเลือกแบรนด์ที่คุณภาพเป็นที่ยอมรับแล้วนำเข้ามาติดตั้งและจำหน่ายในไทย”
         หลังจากเรียนจบปริญญาโท กุลศราก็เข้ามาช่วยดูแลธุรกิจ เริ่มจากทำหน้าที่เซลส์ขยายตลาดออกสู่หัวเมืองใหญ่ จึงเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ทุกสัปดาห์นานถึง 4-5 ปี แต่ละจังหวัดก็จะไปติดต่อประสานงานซ้ำ 2-3 รอบ ต่อมาจึงรับรู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของคุณพ่อคือ ต้องการให้เธอออกสำรวจตลาดแล้วเก็บเกี่ยวข้อมูลจากประสบการณ์จริง
         “โอปอทำหน้าที่เริ่มจากเป็นเซลส์เปิดตลาดขายส่ง กระทั่งรู้ว่าแต่ละพื้นที่ต้องการอะไรบ้าง เราควรนำเสนอสินค้าอะไร เมื่องานด้านจัดจำหน่ายอยู่ตัว ก็เริ่มขยับมาดูกิจการในภาพรวมทั้งงานโปรเจคก่อสร้าง งานขายส่งและงานบริการ ตอนนี้ดูแลในส่วนของการจัดการองค์กรโดยรวม เพื่อให้การทำงานของแต่ละแผนกเชื่อมโยงกัน รวมแล้วตอนนี้ก็ทำงานมาได้ประมาณ 15 ปี”
          ความท้าทายในฐานะทายาทธุรกิจคือ การรักษาชื่อเสียง มาตรฐานและการยอมรับจากลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณพ่อสร้างขึ้นมา ขณะที่การสร้างและติดตั้งสระว่ายน้ำเป็นงานที่ละเอียดและซับซ้อน ต้องใช้ทั้งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอย่างมาก
         “พื้นที่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลมีปัญหาดินทรุดตัว นี่คือความท้าทายของผู้ประกอบการสระว่ายน้ำ ขณะที่การทำสระง่ายๆ เสร็จเร็ว ต้นทุนต่ำ จะนำมาซึ่งปัญหาที่ไม่จบสิ้น ขณะที่คุณพ่อติดตั้งสระมานาน 40 กว่าปี ไม่มีฟีดแบ็คให้คอยกลับไปแก้ไข เช่น ระบบน้ำรั่ว จบโครงการก็คือจบจริงๆ ทำสระว่ายน้ำต้องทำให้ดี ทำให้ถาวรอยู่ยาวคู่กับบ้าน”
         โดยรวมแล้วเธอไม่หนักใจกับการทำงานเพราะคุณพ่อทำไว้ดีมาตลอด ไม่มีเสียหาย การที่มาสานต่อให้โตขึ้นเชิงมาร์เก็ตติ้งจึงไม่ยากมาก เพียงแต่ขอให้รักษามาตรฐานการทำงานที่ดีและจริงใจกับลูกค้า แต่ความยากลำบากก็มีบ้างเมื่อต้องเรียนรู้ระบบซึ่งเป็นเชิงเทคนิค แต่ก็ต้องพยายามเรียนรู้ ความยากสำหรับทายาทรุ่น 2 คือ การบริหารจัดการบุคคลซึ่งอยู่คู่กับบริษัทเนื่องจากบริษัทเปิดมานาน 45 ปีพนักงานตั้งแต่รุ่นบุกเบิกก็ยังอยู่ด้วยกันซึ่งขณะนี้ก็อายุ50 กว่าแต่ทุกคนคือทรัพยากรสำคัญมากมีประสบการณ์และความชำนาญที่คนรุ่นใหม่ยังไม่มี
         “ลุงๆ ป้าๆเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงและเข้าใจ แต่ต้องใช้เวลานานสักพักกับการปรับตัวรับระบบใหม่หรือเทคโนโลยีใหม่ อย่างการใช้สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์แน่นอนว่า การทำธุรกิจนั้นไม่สามารถหยุดนิ่งถ้าเป็นเด็กรุ่นใหม่ก็จะคุ้นเคยกับเทคโนโลยีและทำงานไปได้เร็วเราก็ต้องให้เวลาพวกท่านในการเรียนรู้เพื่อที่จะก้าวไปด้วยกันแต่ปัจจุบันการทำงานต้องเร็ว ทุกคนต้องไวมาก จะรอเป็นสเตปไม่ได้แล้ว โอปอโชคดีที่งานสร้างสระเป็นงานสเปเชียล ต้องอาศัยประสบการณ์ ไม่สามารถใช้เด็กรุ่นใหม่ทั้งหมด”

+ ฟิตแอนด์เฟิร์มต้องอดทน
         โอปอเริ่มเข้าสู่เส้นทางสายสุขภาพและหลงใหลการออกกำลังกายหลังจากคลอดลูกสาว ตอนนั้นน้ำหนักประมาณ 70 กิโลกรัม พยายามลดก็ลงมาแค่ 1-2 กิโลกรัม รู้สึกอึดอัด สวมเสื้อผ้าก็ต้องหลวมๆ ไซส์ใหญ่ ดูเหมือนคนสูงอายุ ทั้งๆ ที่อายุเพิ่ง 30
          “เหตุผลหลักคือ การที่ตัวเองทำธุรกิจสระว่ายน้ำซึ่งภาพลักษณ์เชื่อมโยงไปถึงการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพ เรื่องของเฮลตี้ ครั้นจะยังปล่อยให้ตัวเองดูอ้วน ไม่ฟิตแอนด์เฟิร์มก็ออกจะขัดกับธุรกิจ จึงตัดสินใจที่จะออกกำลังกายและดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง หลังจากนั้นเริ่มโยคะ ชกมวย ว่ายน้ำ ต้องการที่เบิร์นไขมันให้เร็วก่อนแล้วค่อยกระชับกล้ามเนื้อ”
วิธีออกกำลังของผู้บริหารทั้งยังเป็นแม่ลูกสองที่มีข้อจำกัดด้านเวลา จึงไม่ได้เข้าฟิตเนส แต่จะมีเทรนเนอร์ชกมวยมาสอนที่บ้านในช่วงเวลาหลัง 2 ทุ่มเป็นต้นไป หลังจากจัดการลูกๆ ให้เข้านอนแล้ว
            “โอปอเน้นกระชับไขมันด้วยการชกมวย ซึ่งเห็นผลชัดเจนมากและใช้เวลาไม่นาน จากนั้นก็ทำโยคะและว่ายน้ำเพื่อกระชับและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ช่วงแรกจะชกมวย 5-6 วันต่อสัปดาห์ วันละประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วก็ว่ายน้ำ 1-2 วัน ทำแบบนี้อยู่ไม่กี่เดือน น้ำหนักก็ค่อยๆ หายไป รวมแล้วก็หายไปเกือบ 20 กิโลกรัม”
            เธอเล่าว่า เทรนเนอร์เข้มมาก ระหว่างพักยกก็ไม่ให้หยุดนิ่งแต่จะสั่งให้กระโดดเชือกบ้าง วิ่งบนสายพานบ้าง เพื่อเร่งจังหวะการเต้นของหัวใจ แต่ทุกวันนี้ไม่ได้ออกกำลังแบบหักโหมขนาดนั้นแล้ว ลดเหลือ 3-4 ครั้งในสัปดาห์ อีกทั้งควบคุมเรื่องอาหารโดยมื้อเย็นจะเน้นสลัด หลีกเลี่ยงแป้งและคาร์โบไฮเดรต (ย้ำว่าเฉพาะมื้อเย็นเท่านั้น)
         “ช่วงแรกๆ อาจจะยากสำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลัง ขอแค่ไม่ต้องคิดอะไรมาก อยากทำก็ลุกมาทำเลย อยากวิ่งก็ออกไปวิ่งเลย ถ้ามัวแต่คิดก็จะไม่ได้ทำ ทั้งนี้ 4 ครั้งอาจจะยาก แต่ถ้าผ่านพ้นไปได้แล้วก็จะมีครั้งที่ 5 6 7 ตามมาไม่ยากเลย”
          ประโยชน์ชัดเจนจากการออกกำลังกาย นอกจากเรื่องของสุขภาพร่างกายแล้ว ยังช่วยปลดปล่อยความเครียด ปลดปล่อยความคิดไปเรื่อยๆ เมื่อทุกสิ่งในสมองถูกปล่อยว่าง ไอเดียดีๆ ก็เข้ามาแทนที่ทางด้านชีวิตคู่ เธอก็คอยเติมเต็มความหวานให้กับสามี (ม.ล.ธีรเชษฐ์ โสณกุล) ซึ่งใช้ชีวิตร่วมกันมานาน 17 ปี โดยทุกๆ สัปดาห์จะจัดสรรเวลา 1 วันเกี่ยวก้อยกันเพียงลำพังไปดินเนอร์ ดูหนัง ฟังเพลง และในช่วง 1 ปีจะมีทริปสั้นๆ 3-5 วันไปต่างประเทศ โดยฝากลูกไว้กับคุณตาคุณยาย ทำแบบนี้ตั้งแต่ลูกสาวอายุได้ 9 เดือน ทำเป็นประจำเรื่อยมาทุกปี
        “ถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำจะดีแน่ๆ สำหรับอนาคต ก็ให้ลงมือทันทีและทำให้ดีที่สุด” หลักการใช้ชีวิตของ “กุลศรา” ที่พิสูจน์แล้วเห็นผลลัพธ์ชัดเจนทั้งจากการงาน และชีวิตส่วนตัว