Daily Market Outlook (9 มิ.ย.60)

Daily Market Outlook (9 มิ.ย.60)

คำให้การของ Comeyไม่อันตราย ECB คงนโยบายผ่อนคลายต่อ

คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ตามหุ้นสหรัฐที่ปิดบวกเมื่อคืน นักลงทุนสหรัฐมองว่าคำให้การของอดีตหัวหน้า FBI ไม่น่าเป็นอันตรายต่อประธานาธิบดี Trump ดังนั้นเขาน่าจะกลับมาผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่หาเสียงไว้ได้ ECB คงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินและไม่ได้กล่าวถึงการลดขนาด QE ความเสี่ยงทางการเมืองในอังกฤษน่าจะพุ่งขึ้นหากผล Exit poll ถูกต้อง แต่อาจไม่เลวนักสำหรับอังกฤษ คนอังกฤษ และยุโรปโดยรวมถ้าการเจรจากับ EU ต่างมีทีท่าลดการตั้งประจันกันลงได้ ปัจจัยภายในประเทศมีทั้งบวกและลบ ในขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงและการใช้จ่ายลงทุนตามงบประมาณของรัฐบาลไม่เป็นไปตามเป้า ถือว่าเป็นปัจจัยลบ แต่การแสดงเจตจำนงค์ลงทุน 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ใน EEC ของนักลงทุนญี่ปุ่นหลังการเยือนญี่ปุ่นของรองนายกฯ สมคิดเป็นบวกอย่างมากต่อเศรษฐกิจไทย

หุ้นเด่นวันนี้: ROBINS (58.00 บาท; NR, ราคาเป้าหมาย IAA 75.00 บาท)

บมจ.ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน น่าจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้ประโยชน์หลักจากการฟื้นตัวของการบริโภคภาคครัวเรือนในประเทศ การใช้จ่ายบริโภคที่น่าจะดีขึ้นโดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน แม้ความเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ค. จะลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน แต่เราคิดว่าเหตุผลหนึ่งเป็นเพราะประเด็นเรื่องความไม่สงบทางการเมือง คือ เหตุระเบิดที่ผ่านมา เราคาดว่าน่าจะเป็นปัจจัยรบกวนระยะสั้น แต่ระยะยาวการบริโภคน่าจะกลับมาดีต่อในระยะยาว สำหรับปี 60 นี้ ภาคค้าปลีกน่าจะได้รับประโยชน์จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ดีขึ้นเพราะโครงสร้างภาษีเงินได้ใหม่ที่ให้ลดหย่อนภาษีได้มากขึ้นและหมดภาระหนี้จากโครงการรถคันแรก กลยุทธ์ของบริษัทเพื่อเพิ่มสัดส่วนของสินค้าประเภท international และ house brand น่าจะเพิ่มยอดขายร้านเดิม (SSS) และอัตรากำไรโดยเฉลี่ยได้ และบริษัทยังมุ่งลดสินค้าขายไม่ดีออกไปและเน้นนำสินค้าที่ขายดีมาวางเพิ่ม ขณะเดียวกันกลยุทธ์ที่เปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องจะช่วยกระตุ้นยอดขายใหม่ได้ บริษัทได้ปิดสาขาอุบล 1 ไป เนื่องจากสาขาอุบล 2 ในทำเลที่รองรับลูกค้าได้ทั่วถึง จำนวนสาขาทั้งหมดเป็น 43 สาขาบวกสองสาขาที่เวียดนามในช่วงสิ้นปี 59 ปีนี้ บริษัทเตรียมเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 สาขา จากค่าเฉลี่ยสมาคมนักวิเคราะห์ กำไรสุทธิของ ROBINS คาดว่าจะเติบโต 16% ใน ปี 60 และ 15% สำหรับปี 61 Price Pattern ของ ROBINS จะเปลี่ยนจากแนวโน้มหลักในแนวโน้มขาขึ้นไปสู่แนวโน้มขาลง ก็ต่อเมื่อ Price Pattern ของ ROBINS ปิดตลาดรายเดือนต่ำกว่า 58 บาท โดยตราบเท่าที่ Price Pattern ของ ROBINS ยังสามารถปิดตลาดเหนือ 58 บาท ยังคงถือว่าแนวโน้มหลักยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ ROBINS ด้วยความแข็งแกร่งระยะสั้นจากการเกิด Daily Buy Signal มีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 59.75 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 65 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ ROBINS มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 57 บาท (แนวต้าน: 58.50, 59.00, 59.50; แนวรับ: 57.75, 57.25, 56.75)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค.ปรับตัวลง ม.หอการค้าไทยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค.ที่ 76 จุด ปรับตัวลงจาก 77 จุดในเดือน เม.ย. นับเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน เนื่องจากเหตุการณ์ระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ราคาโภคภัณฑ์ที่ลดลง และการฟื้นตัวช้าของเศรษฐกิจ (Bangkok Post)ความเห็น: แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค.จะปรับตัวลง เราเชื่อว่าอุปสงค์ของผู้บริโภคสำหรับสินค้าพื้นฐานจะยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเหตุผลหลักของการปรับตัวลงของดัชนีคือเหตุการณ์ระเบิดหลายๆ ที่ในช่วงที่ผ่านมา เรามองว่าปัจจัยดังกล่าวจะกระทบแค่ช่วงระยะสั้นเท่านั้นเนื่องจากการบริโภคภาคครัวเรือนของประเทศบ่งบอกว่ากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น

• เบิกจ่ายงบลงทุนรัฐพลาดเป้า ไป 2% อยู่ที่ 2.42 แสนล้านบาทในช่วง 8 เดือนแรกถึงเดือน พ.ค. ซึ่งก่อนหน้าการเบิกจ่ายเกินเป้าไป 4.7% ในช่วง 7 เดือนแรกถึงเดือน เม.ย. บ่งบอกถึงการลงทุนของรัฐที่ช้าลง เป้าเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐบาลของปีงบประมาณ 60 อยู่ที่ทั้งหมด 4.64 แสนล้านบาท (Bangkok Post)

• สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 รวม 2.9 ล้านล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2560 เป็นรายจ่ายประจำ 2.15 ล้านล้านบาท (74%) และงบรายจ่ายลงทุน 0.66 ล้านล้านบาท (23%) และงบชำระคืนเงินต้นกู้ 8.6 หมื่นล้านบาท (3%) (MGR Online)ความเห็น: คาดเป็นปัจจัยบวกต่อการสร้างสภาพคล่องให้ระบบเศรษฐกิจ และเงินสะพัดสู่ท้องถิ่น ซึ่งหุ้นที่เกี่ยวกับการลงทุนภาครัฐบาลในโครงการย่อย ๆ จะได้รับประโยชน์ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCC, SCCC, TASCO, WIIK,ETE.

• ญี่ปุ่นสนใจลงทุน EEC 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและคณะอยู่ระหว่างเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีนักลงทุน 28 บริษัท ให้ความสนใจมาลงทุนใน EEC มูลค่า 2.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ รองนายกฯ ยังได้เสนอยกระดับ "เจเทปปา" สั่งพาณิชย์รีวิวข้อตกลงให้ญี่ปุ่น ร่วมพัฒนาอีอีซี (อินโฟเควสท์, กรุงเทพธุรกิจ)

ต่างประเทศ:

• โคมีย์: รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐ แต่ไม่ได้กล่าวว่ามีความเชื่อมโยงกับทรัมป์ นายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI รายงานต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาว่าเขาเชื่อว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนหน้านี้ได้สั่งให้เขายุติการสอบสวน นายไมค์ ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งที่จะขยายกรณีสอบสวนรัสเซีย นายโคมีย์เผยว่าเขาไม่มีข้อสงสัยกรณีที่รัฐบาลรัสเซียได้เข้าแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้วแต่เขาก็ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลใหม่ ๆ เกี่ยวกับการกล่าวหาว่ามีการสมรู้ร่วมคิดระหว่างทรัมป์หรือทีมงานกับรัสเซียและเขาไม่ได้กล่าวว่าเขาคิดว่าประธานาธิบดีทรัมป์ตั้งใจขัดขวางกระบวนยุติธรรมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม นายโคมีย์เผยว่าเขาเชื่อมั่นว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงผลคะแนนเสียง (Reuters)

• เอกซิตโพลเลือกตั้งอังกฤษเผยพรรคอนุรักษ์นิยมของเมย์จะขาดเสียงข้างมาก ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เอง ถ้าผลการเลือกตั้งเป็นไปตามเอกซิตโพล ปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับสถานการณ์การเมืองของอังกฤษอย่างมากและอาจทำให้กระบวนการ Brexitช้าออกไปอีก โดยผลเอกซิตโพลคาดว่าพรรคอนุรักษ์นิยมจะชนะ 314 ที่นั่งจากทั้งหมด 650 ที่นั่ง และพรรคแรงงานจะได้ไป 266 ที่นั่ง นั่นหมายความว่าจะไม่มีผู้ชนะที่ชัดเจน (Reuters)

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันพฤหัส เนื่องจากนักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจมากนักต่อคำให้การของนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI หลังจากพบว่าไม่มีข้อมูลใหม่ ๆ เพิ่มเติมที่จะมีผลต่อการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในสัปดาห์หน้า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ้างอิงอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.193% จาก 2.180% เมื่อวันพุธ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.852% จาก 2.837% เมื่อวันพุธ (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเทียบกับสกุลเงินหลักในตะกร้าเงินเมื่อวันพฤหัส เนื่องจากนักลงทุนได้ประเมินคำให้การของนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI แล้วพบว่าไม่มีข้อมูลสำคัญเพิ่มเติม ส่วนเงินยูโรอ่อนค่าหลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.25% อยู่ที่ระดับ 96.99 เทียบกับเงินเยน ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า 0.18% อยู่ที่ระดับ 109.99 เยน เงินยูโรอ่อนค่าหลัง ECB ปรับลดประมาณการเงินเฟ้อและไม่ได้พิจารณาการกลับเข้าสู่โครงการเข้าซื้อพันธบัตร เงินยูโรอ่อนค่า 0.38% สู่ระดับ 1.1212 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันพฤหัส เนื่องจากนักลงทุนมองว่าคำให้การของนายโคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI ไม่มีข้อมูลใหม่ ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติม ความกังวลของตลาดในเรื่องนี้คือรัฐบาลทรัมป์จะสามารถทำตลาดกลับมาคึกคักโดยดำเนินการปรับลดภาษีและผ่อนคลายกฎระเบียบต่าง ๆ ได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม มีนักลงทุนบางส่วนเชื่อว่าเป็นการยากมากขึ้นสำหรับทรัมป์ที่จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (Reuters)

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปโซเซเมื่อวันพฤหัส หลังจาก ECB ส่งสัญญาณว่าจะหยุดหั่นอัตราดอกเบี้ยลงรวมถึงความกังวลต่อการเลือกตั้งในอังกฤษ แม้จะมีแรงหนุนบ้างจากหุ้นกลุ่มธนาคารและเหมืองก็ตาม (Reuters)

• ECB หลีกเลี่ยงการพูดคุยเรื่องลด QE ECB ตัดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อลงและบอกว่ายังไม่ได้มีการพูดคุยกันเรื่องการลดซื้อตราสารหนี้ อย่างไรก็ตาม ECB ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่จะหยุดหั่นอัตราดอกเบี้ย แม้ ECB จะปรับคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจขึ้น แต่ธนาคารกลางได้ลดประมาณการอัตราเงินเฟ้อปี 60 และปี 61 มาอยู่ที่ 1.5% และ 1.3% จากประมาณการก่อนหน้าของปี 60 และปี 61 ที่ 1.7% และ 1.6% ตามลำดับ โดยเป้าเงินเฟ้อยังอยู่ที่ต่ำกว่าระดับ 2% นอกจากนี้ Mario Draghiกล่าวเพิ่มเติมว่าการเข้าซื้อสินทรัพย์ยังจำเป็นอยู่ (Reuters)


เอเชีย:

• ตลาดหุ้นจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาโดยข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยนและการค้าที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าคาด ตลาดจีนยังได้แรงหนุนจากสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้นในระบบการเงินและความคาดหวังที่เพิ่มมากขึ้นที่ดัชนี MSCI จะตัดสินใจรวมหุ้นจีนไว้ในเกณฑ์มาตรฐานเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน (Reuters)

• จีนรายงานตัวเลขการส่งออกและนำเข้าดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือน พ. ค. แม้ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะลดลงซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะเพิ่มขึ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์ลดความแรง การขยายตัวของการส่งออกและการนำเข้าเร่งตัวขึ้นจากเดือนเมษายนซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของการชะลอตัว การส่งออกเพิ่มขึ้น 8.7% YoYขณะที่การนำเข้าขยายตัว 14.8% ทำให้ประเทศเกินดุลการค้า 40.81 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ(Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันร่วงอีกวันพฤหัส จากแรงเทขายหลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นผิดคาด น้ำมันดิบเบรนท์ปิดต่ำสุดนับแต่ 29 พ.ย. ร่วง 20 เซนต์ ปิดที่ 47.87 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าลบ 8 เซนต์ปิดที่ 45.64 ดอลลาร์/บาร์เรล (Reuters)

• ทองคำร่วงต่อเป็นวันที่สอง เพราะดอลลาร์แข็งค่าและพยานหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรคดีหัวหน้า FBI ทองคำตลาดจรลดลง 0.7% ปิด 1,277.95 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทองคำสหรัฐล่วงหน้าร่วงไป 1.1% ปิดที่ 1,279.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)