เร่งสรุปทางออกเหตุหยุดผลิตปิโตรเลียมพื้นที่สปก.-ปมใช้ม.44

เร่งสรุปทางออกเหตุหยุดผลิตปิโตรเลียมพื้นที่สปก.-ปมใช้ม.44

รมว.พลังงาน เผยจำเป็นใช้ม.44หรือไม่ เร่งสรุปหาทางออกแก้ปัญหาหยุดผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ส.ป.ก. หลังกระทบปริมาณน้ำมันดิบหายไป1.6หมื่นบาร์เรลต่อวัน ทำรัฐสูญรายได้

พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่บริษัท ปตท.สผ.สยาม จำกัด (ปตท.สผ.สยาม) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ถือหุ้น 100% ทั้งทางตรงและทางอ้อม และเป็นผู้ดำเนินงานโครงการเอส 1 ต้องหยุดการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย. 2560

ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2560 ที่พิพากษาให้เพิกถอนระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เรื่องการให้ความยินยอมในการนำทรัพยากรธรรมชาติในเขตปฏิรูปที่ดินไปใช้ประโยชน์ตามกฎหมายอื่นนั้น กระทรวงพลังงานจะเร่งหาข้อสรุปเรื่องนี้ภายใน 1-2 วัน โดยยังอยู่ระหว่างหารือร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางแก้ไขทางกฎหมายปกติก่อนจะพิจารณาว่าจำเป็นต้องเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่ง ม.44 ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2557 เพื่อให้เป็นกฎหมายรองรับการใช้พื้นที่ ส.ป.ก. หรือไม่

ทั้งนี้ ยอมรับว่า เรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อรายได้ของภาครัฐ และเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขเพราะการหยุดผลิตของโครงการเอส1 และแหล่งปิโตรเลียมอื่นในพื้นที่ ส.ป.ก.ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันหายไปประมาณ 1.6 หมื่นบาร์เรลต่อวัน

วันนี้ พล.อ.อนันตพร ยังเป็นประธานเปิดงานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมด้านพลังงานทดแทน "ASEAN Sustainable Energy Week 2017" โดยระบุว่า ขณะนี้กลุ่มประเทศอาเซียนมีการพัฒนาพลังงานทดแทนไปในทิศทางเดียวกับประเทศไทย ซึ่งกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างศึกษาการเพิ่มสัดส่วนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเป็น40% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30% ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี เพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งการปรับแผนพีดีพีจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้

ส่วนโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนแบบผสมผสาน(ไฮบริด)แบบสัญญาเสถียร(เฟิร์ม)สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก(เอสพีพี) หรือ เอสพีพีไฮบริดเฟิร์ม ที่ภาครัฐเตรียมเปิดรับซื้อไฟฟ้า 300 เมกะวัตต์ โดยกำหนดอัตราเงินสนับสนุนการรับซื้อไฟฟ้าตามต้นทุนที่แท้จริง(ฟีดอินทารีฟ)หรือ FIT อยู่ที่ 3.66 บาทต่อหน่วยนั้น ยืนยันว่า จะไม่ทบทวนอัตราดังกล่าวเป็นอัตราที่เหมาะสมแล้ว และหากมีผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมประมูลจำนวนมาก ก็จะเหิดการแข่งขันผลิตไฟฟ้าในต้นทุนต่ำ และเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ไฟฟ้า