TPCH - ซื้อ

TPCH - ซื้อ

กำไร 1Q60 +104%YoY แต่ –9%QoQ คงประมาณการปี 60

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

- รายงานกำไร 1Q60 ที่ 64 ล้านบาทเติบโต 104%YoY แต่หดตัว 9%QoQ : โดยกำไรเติบโตเมื่อเทียบเป็นรายปีเนื่องจากรับรายได้จากโรงไฟฟ้ามหาชัยกรีนพาวเวอร์(MGP) กำลังการผลิต 9.9 MW และทุ่งสงกรีน(TSG) กำลังการผลิต 9.2 MW ในไตรมาส 2/59 และไตรมาส 4/59 ตามลำดับ อย่างไรก็ตามกำไรปรับตัวลงเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาสเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารปรับตัวขึ้นราว 3 ล้านบาทและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง 4 ล้านบาทเนื่องจากโรงไฟฟ้ามหาชัยกรีนพาวเวอร์ (MGP) มีการหยุดซ่อมบำรุงส่งผลให้ผลิตไฟฟ้าลดลง 11%QoQ ขณะที่ต้นทุนทางการเงินยังทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ 14 ล้านบาทตามการขยายตัวของโรงไฟฟ้า ส่งผลให้ 1Q60 บริษัทมีกำไร 64 ล้านบาทเติบโต 104%YoY แต่หดตัว 9%QoQ

- พร้อมเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้า SPP-Hybrid และ SEMI-Firm กำลังการผลิตรวม 589 MW ช่วงครึ่งปีหลัง : บริษัทเตรียมเข้าประมูลโรงไฟฟ้ารูปแบบ SPP-Hybrid Firm กำลังการผลิต 300 MW ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลในเดือน ก.ค. นี้ และพร้อมเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้ารูปแบบ VSPP-Semi Firm กำลังการผลิต 289 MW ซึ่งจะเปิดประมูลในเดือน ต.ค. โดยบริษัทจะร่วมมือกับพันธมิตรซึ่งอยู่ระหว่างเจรจา 2-3 รายในการเข้าร่วมประมูล

- คงประมาณการกำไรปี 60 แต่ปรับลดประมาณการกำไรปี 61 ลง 19% จากการล่าช้าของโรงไฟฟ้า PTG : กำไรไตรมาส 1/60 คิดเป็น 16% ของประมาณการทั้งปีที่ 391 ล้านบาทเติบโต 95%YoY โดยเรายังคงประมาณการตามเดิมเนื่องจากคาดว่าในเดือน มิ.ย. จะเริ่มรับรู้กำลังการผลิตใหม่จากโรงไฟฟ้าพัทลุงกรีนพาวเวอร์ (PGP) กำลังการผลิต 9.9 MW และในไตรมาส 3/60 จะรับรู้โรงไฟฟ้าสตูลกรีนพาวเวอร์ กำลังการผลิต 9.9 MW โดยทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ในภาคใต้ทำให้สามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้แห่งละ 9.2 MW (ภาคอื่นจะขายไฟได้เพียง 8 MW) ขณะที่ปี 61 โรงไฟฟ้า TPCH 1 2 และ 5 กำลังการผลิตรวม 24.7 MW จะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าได้ตามแผนในไตรมาส 4/61 ซึ่งโรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งตั้งอยู่ในภาคใต้ อย่างไรก็ตามโรงไฟฟ้าปัตตานีกรีนพาวเวอร์(PTG) อาจจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ล่าช้าจาก 2Q61 เป็น 1Q62 ซึ่งส่งผลให้กำไรปี 61 ปรับตัวลงราว 19% จากประมาณการเดิมสู่ระดับ 515 ล้านบาทแต่ยังคงเติบโต 31%YoY

- คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับลดราคาเหมาะสมสู่ 22.20 บาท : ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ที่ต้นทุนเงินทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (WACC) ที่ 6.85% ได้ราคาเหมาะสมลดลงจาก 23.50 บาท เหลือ 22.20 บาทจากความล่าช้าของโรงไฟฟ้า PTG แต่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เพราะราคาที่ประเมินได้สูงกว่าราคาปิดล่าสุด