'ผบ.ทบ'สั่งฟันทิ้ง!! ทหารค้าอาวุธ

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ชี้แจงกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคง เข้าไปเกี่ยวข้องกับการส่งและลักลอบขนอาวุธ ว่า ทั้ง 2 เหตุการณ์ไม่มีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ และเป็นคนละรูปแบบ แต่ยอมรับกำลังพลมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ซึ่งคนไม่ดีก็ต้องรับผิดชอบและถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

สำหรับกรณี พันจ่าอากาศเอก ภคิน เดชพงษ์ ที่มีการลอบขนอาวุธสงครามที่ จ.ตราด นั้น ทางผู้ต้องหารับสารภาพแล้วว่ามีการส่งให้ชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ทางด้านตะวันตก ซึ่งตนดูลักษณะแล้วเป็นขบวนการลักลอบค้าอาวุธ จากด้านตะวันออกไปยังตะวันตกให้กับพวกชนกลุ่มน้อย แต่ขอให้รอฟังรายละเอียดจากตำรวจอีกครั้ง ทั้งนี้ ที่ผ่านมารอบๆ ประเทศไทยก็มีความขัดแย้งของชนกลุ่มน้อย จึงไม่แปลกที่จะมีการสร้างความเข้มแข็งและความมั่นใจให้กับตัวเอง แต่เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยขอให้แยกแยะเรื่องตัวบุคคลและองค์กรออกจากกัน ซึ่งจนขณะนี้ตนยังไม่ได้มีการพูดคุยกับทางประเทศกัมพูชา

ส่วนการส่งวัตถุระเบิดทางไปรษณีย์ ขณะนี้ตำรวจคุมตัวผู้ที่เกี่ยวข้องได้ 19 คน เป็นทหาร 12 นาย และเป็นพลเรือน 7 ราย จากการสอบสวนเบื้องต้น สามารถระบุตัวผู้ที่เกี่ยวข้องหลัก คือ สิบเอก ธนากรณ์ บุญกาญจน์ เจ้าหน้าที่คลังอาวุธของกองพันทหารช่างที่ 1 กรมทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ (ช.พัน.1 ช.1 รอ.) ซึ่งที่ผ่านมา สิบเอก ธนากรณ์ ได้ร่วมกับเพื่อนสร้างกรุ๊ปไลน์และเฟซบุ๊กทำการซื้อขายและเปลี่ยนอาวุธปืน ทั้งมีและไม่มีทะเบียน รวมถึงลักลอบขายวัตถุระเบิดและกระสุนปืน ปัจจุบัน ตำรวจได้ควบคุมตัวเพื่อรวบรวมข้อมูลหลักฐานดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป

สำหรับพัสดุที่ไปพื้นที่หาดใหญ่และปัตตานีนั้น ตรวจพบว่าเป็นกระสุนขนาดเล็ก คาดว่าผู้ครอบครองเป็นกลุ่มที่ชอบสะสมอาวุธ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าพัสดุถูกส่งเข้าไปในพื้นที่ทหาร แล้วตำรวจไม่สามารถทำการตรวจสอบได้ ตนยังไม่ทราบเรื่อง แต่เชื่อว่าตำรวจจะติดตามทั้งหมด และยืนยันทหารไม่มีการปกป้องหรือดูแลกัน ถ้าผิดก็จะเอาออกให้หมด

ผบ.ทบ. ยอมรับด้วยว่า การค้าอาวุธสงครามมีมานานแล้ว ตั้งแต่มีเหตุการณ์ชายแดน เพราะสามารถทำกำไรได้ แต่ 2 คดีที่เกิดขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะคนหนึ่งทำในหน่วยของตัวเอง รับผิดชอบคลังอาวุธ มีความรู้ความสามารถพอสมควร ซึ่งได้สั่งการทุกทางทุกหน่วยให้มีการกวาดล้างทั้งหมด