พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ดัน “สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป” รุกอาเซียน 

พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ดัน “สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป” รุกอาเซียน 

วีถีชีวิตผู้คนที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีอย่างไร้รอยต่อ กลายเป็นอนาคตมหาศาลของผู้จำหน่าย "อุปกรณ์ IoT" เปิดทางให้ธุรกิจไซส์เล็ก อย่าง "สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป" แปลงร่างสู่ธุรกิจไซส์ใหญ่ได้ไม่ยาก กับอีกก้าวที่ท้าทายตัวเองสู่ผู้เล่นระดับอาเซียน

 

ภายใต้การบริหารงานของ พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี กรรมการผู้จัดการบริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป เจ้าของอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ (Consumer Electronics) อุปกรณ์ไอที หรือ แก็ดเจ็ต ภายใต้แบรนด์ แอนิเทค (Anitech) โนบิ (Nobi) เอจี (aG) และเพนทากอนซ์ (Pentagonz)  เขาคือ ลูกข้าราชการที่ฝันอยากเป็นเถ้าแก่ เคยทำงานในบริษัทชื่อดัง ทั้งเครือเอสซีจี, เบทาโกร, เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ 

สุดท้ายหัวใจก็เรียกร้องให้ท้าทายตัวเอง อยากปั้นธุรกิจให้สำเร็จ ในวัยก่อน 30 ปี

ก่อตั้งธุรกิจโดยเริ่มต้นรับจ้างผลิต (OEM) อุปกรณ์ไอทีได้ไม่นาน ก็รู้ซึ่งว่าไม่อาจสู้ศึกสินค้าราคาถูกจากจีนได้ เจ้าตัวจึงรีบแปลงโมเดลธุรกิจเป็นเจ้าของแบรนด์ ออกแบบสินค้าไปจ้างโรงงานทั่วโลกผลิตสินค้า

ขอเล่นบทเป็นผู้ควบคุมคุณภาพดีกว่านั่งปวดหัวกับการผลิต เขาเปรย

อยู่ในภาคการผลิตเหนื่อยมาก แต่หากเราแปลงตัวเองเป็นเจ้าของแบรนด์ ไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์ จะปรับตัวได้ง่ายกว่า" 

ดังนั้นภายใต้โมเดลธุรกิจนี้ หน้าที่ของเขาคือการดึงคนเก่ง ทีมโปรแกรมเมอร์ วิศวกร มาช่วยงาน ขณะที่ตัวเขาจะดูแลเรื่องการตลาด กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวในการขับเคลื่อนความต้องการผู้บริโภค

“เราออกแบบสินค้าตามความต้องการของลูกค้า แทนที่จะอยู่กับตัวเองอยู่กับเครื่องจักร เราออกไปหาพันธมิตรสร้างแบรนด์แทน”

นั่นคือวิธีคิดแบบยุค 4.0 ที่มองวางตัวเองเป็นผู้เล่น (Play Maker) ที่มีพันธมิตรกระจายอยู่ทั่วโลก ภายใต้แบรนด์ตัวเอง 

หมดยุคกับการที่จะอยู่กับเครื่องจักร แต่เป็นยุคที่เราต้องเข้าใจว่ามูลค่าการตลาดจริงๆอยู่ที่ไหน แล้วเราก็ทำสินค้าที่มันตอบโจทย์ตลาดมันถึงจะไทยแลนด์ 4.0 ได้จริง

พิชเยนทร์ เล่าว่า ปั้นธุรกิจมากกว่า10 ปี เดินหน้าลุยตลาดด้วยสูตรนี้มาตลอด จนทำให้แบรนด์ของเขากลายเป็นอุปกรณ์ไอทีที่มีจุดจำหน่ายกว่า 8,000 จุดทั้งในโมเดิร์นเทรด เชนสโตร์ ดีลเลอร์ และตลาดออนไลน์ พลิกจากธุรกิจขนาดเล็กสู่ขนาดกลาง ที่เริ่มกระจายตลาดไปในอาเซียน 

เขาบอกด้วยว่า เมื่อมองตัวเองเป็นแบรนด์จึงพร้อมที่จะลุยไปได้ทุกที่ ปูพรมลุยตลาดเพื่อนมาบ้านในเมียนมา ลาว และกัมพูชา มาแล้ว 3-5ปี ปีนี้กำลังเข้าลุยตลาดเวียดนาม ในลักษณะตัวแทนจำหน่าย หรือหาพันธมิตรธุรกิจ โดยอาศัยโรงงานผลิตในต่างประเทศ อาทิ ในจีน   

สิ่งที่เขากุมไว้คือการเป็นเจ้าของแบรนด์คู่กับดีไซน์ เขาย้ำ

เราเป็นหัวหอกไปสู้ในตลาดอาเซียนในกลุ่มสินค้าคอนซูมเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ เราตั้งเป้าให้เป็นแบรนด์อันดับหนึ่ง ไม่ใช่หมายความว่าเราทำเองหมดทุกอย่าง แต่เราร่วมมือกับคนอื่นในภูมิภาคนี้

จุดพลิกที่พิชเยนทร์ กล้าฝันไกลถึงระดับบิ๊กเนมอาเซียน เพราะช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของผู้คนกับการเชื่อมต่อโลกอินเตอร์เน็ตเข้ากับไลฟ์สไตล์ ทำให้อินเตอร์เน็ตคือทุกสิ่ง  หรือ loT (Internet of Things)

เมื่อก่อนมองว่าอินเตอร์เน็ทเป็นเรื่องไกลตัว แต่เมื่อชีวิตผู้บริโภคเปลี่ยนไป ผูกติดกับหน้าจอมากขึ้น อุปกรณ์ทุกอย่างก็จะเชื่อมต่อในหน้าจอ และสั่งการได้ผ่านสมาร์ทโฟน เราเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์จึงต้องปรับตัวให้เข้ากับคนในยุคปัจจุบัน

กลายเป็นโอกาสมหาศาลสำหรับอุปกรณ์ไอที ตามคาดการณ์ในปี 2563 อุปกรณ์ไอทีกว่า 5 หมื่นชิ้นจะเชื่อมต่อกับ loT จากปัจจุบันประมาณ 2 หมื่นชิ้น ซึ่งตลาดที่เกิดขึ้นแล้วคือ สหรัฐอเมริกา และในไม่ช้าก็เกิดขึ้นในไทยและในอาเซียน 

สิ่งนี้เองที่ทำให้เขากล้าท้าชิงตลาดอุปกรณ์ไอทีในอาเซียน ก้าวขึ้นสู่บริษัทระดับภูมิภาค

“เราเติบโตด้วยการออกสินค้าใหม่ๆสู่ตลาด และยังมีโอกาสเพิ่มขนาดธุรกิจได้อีกมาก เช่น บริษัทด้านอุปกรณ์ไอทีที่จดทะเบียนในญี่ปุ่นมูลค่าตลาด (Market Capitalization) 3 หมื่นล้านเยน มีสินค้ากว่า 2.5 SKU เรามีเพียง 1,000 SKU ต่างกันถึง 20 เท่าในโมเดลใกล้เคียงกัน เราจึงมีโอกาสเพิ่มผลิตภัณฑ์และมูลค่าธุรกิจที่ขนาดไปแตะพันล้าน” เขาอธิบาย

อุปกรณ์ตัวแรกที่กำลังจะเปิดตัว คือ ปลั๊กเสียบ ที่มีระบบสั่งการทำงานเชื่อมต่อกับแอพพลิชั่นบนสมาร์ทโฟน หรือตัวกล้องวงจรปิดที่จะเชื่อมโยงกับแอพลิเคชั่น 

ปีนี้ยังจะเป็นปีพลิกกลยุทธ์ธุรกิจ ด้วยการเตรียมแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้ เพื่อนำเงินมาลงทุนพัฒนาแอพพลิเคชั่น loT รวมถึงออกแบบอุปกรณ์ใหม่ๆ ทำให้ธุรกิจและแบรนด์แกร่ง มีความน่าเชื่อถือ ก่อนจะไปรุกอาเซียนให้ครบ 10 ประเทศ

ทว่า แม้จะฝันใหญ่ แต่การลงทุนธุรกิจจะค่อยเป็นค่อยไป ไม่เจ็บตัวมาก เริ่มลงทุนไปก่อน 1 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาแอพลิเคชั่นและทดลองตลาด พร้อมกับมีทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) สินค้าใหม่ที่ตลาดต้องการ

“เราไม่ได้เสี่ยงเกินไป หากเปลี่ยนเป็นloTหมดค่อนข้างเสี่ยงถ้าพลาดก็ยาว เราค่อยๆเปิดตัวทีละตัว ให้สำเร็จ เกิดจากจุดเล็กๆเราจะชอบแบบนี้มากกว่า ไม่ใช่เป็นบริษัทที่จะไปทุ่มทีเดียว”

เขามองว่า ธุรกิจเอสเอ็มอี ต้องพร้อมปรับตัวเสมอ ไม่เช่นนั้นจะอยู่ยาก ต้องมองหาโอกาสใหม่ๆ เสมอ ทำให้เขากล้าฝันเป็นบริษัทระดับภูมิภาค (Regional Company) แม้เป็นพันธกิจที่ใหญ่เกินตัวแต่หากพลาดก็ไม่เสียอะไร 

แต่หากทำได้หมายถึง "รวยกันถ้วนหน้า

พิชเยนทร์ ยังบอกว่า กำลังเจรจากับยักษ์ใหญ่แห่งวงการหลายเจ้า เพื่อลงทุนทำสิ่งใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนตลาด (Disrupt)

เขาเป็นบริษัทที่วางอนาคตด้วยการสร้างทีม ดึงคนเก่ง ที่พร้อมลุยและเป็นเจ้าของธุรกิจไปกับเขาที่ต้องถนัดในการผสมผสานหลากหลายศาสตร์ สำคัญที่สุดคือหาคนที่มี “ทัศนคติ” ที่ดี พร้อมลุยไปด้วยกัน

ผมว่าสมัยนี้คนไม่ได้ต้องเก่งที่สุด แต่ต้องเป็นคนที่มีใจพร้อมที่จะลุยไปด้วยกันสำคัญกว่าเก่ง ทัศนคติต้องมาก่อน ใจมาก่อน หาคนที่อยากเติบโตไปกับองค์กร ทำงานเป็นทีมรวยไปด้วยกัน หน้าที่ผมก็คือต้องไปหาเด็กเหล่านี้ให้เจอแล้วมาเจียระไน สร้างวัฒนธรรมองค์กรสำคัญที่สุดทำให้คนรู้สึกว่าฉันฝากชีวิตไว้กับองค์กรนี้้

........................

Key to Success 

เปลี่ยนผ่านสู่ ผู้เล่นรายใหญ่

-เป็นเจ้าของแบรนด์และออกแบบเอง

-ใช้ความต้องการผู้บริโภคเป็นตัวนำ

-ผนึกพันธมิตรในแบรนด์ตัวเอง

-โตไปกับเทรนด์loTเปลี่ยนโลก

-ปรับตัวให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนแต่ละยุค

-ฝันให้ใหญ่สู่แบรนด์ภูมิภาค