MGT - ซื้อ

MGT - ซื้อ

คาดกำไรปี 60-61 เติบโตต่อเนื่องจากผลิตภัณฑ์ใหม่และขยายสาขา

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

- ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ : บริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษซึ่งใช้เป็นส่วนเพิ่มเติม (Additive) เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมีและสร้างคุณสมบัติพิเศษต่างๆ โดยแบ่งสินค้าได้ 5 ชนิดดังนี้ 1) พอลิเมอไรเซชั่นมีสัดส่วนรายได้ 35% ของรายได้รวม 2) ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสีมีสัดส่วนรายได้ 34% ของรายได้รวม 3) ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำยาเคลือบมีสัดส่วนรายได้ 16% ของรายได้รวม 4) ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำมันหล่อลื่นมีสัดส่วนรายได้ 10% ของรายได้รวม และ 5) ผลิตภัณฑ์อื่น 5% ของรายได้รวม (สัดส่วนรายได้ 1Q60) โดยลูกค้าหลักมาจากอุตสาหกรรมพลาสติก ยางพารา อุตสาหกรรมรถยนต์ และอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์

- ปี 60 เตรียมเปิดสาขาในต่างจังหวัด 2 สาขาเพื่อรุกตลาดผู้ผลิตยางพารา : บริษัท ได้เพิ่มพนักงานขายจาก 7 คนเป็น 14 คนเพื่อรองรับการเติบโตของยอดขาย และรองรับการเปิดสาขาเพิ่ม 2 แห่งในครึ่งปีหลังที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดนครพนมเพื่อรุกตลาดเคมีภัณฑ์สำหรับผู้ผลิตยางพาราในภาคใต้และภาคอีสาน อีกทั้งกำลังเจรจากับพันธมิตรจากฝรั่งเศสเพื่อขยายผลิตภัณฑ์เคมีสำหรับปูนซีเมนต์ในการก่อสร้างตึกสูง นอกจากนี้ปี 61 เตรียมเปิดสาขาในพม่าและกัมพูชา

- คาดกำไรปี 60 และ 61 เติบโต 46%YoY และ 24%YoY ตามลำดับ : บริษัทรายงานกำไร 1Q60 ที่ 11.77 ล้านบาทเติบโต 59%QoQ และ 20%YoY และคิดเป็น 25%ของประมาณการ ซึ่งฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 60 ที่ 48 ล้านบาทเติบโต 46%YoY โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้ปี 60 ที่คาดว่าจะเติบโต 15%YoY ตามขยายตัวของอุตสาหกรรมยางพารา และการเปิดสาขาใหม่ 2 สาขาในภาคใต้และภาคอีสาน โดยอุตสาหกรรมยางพาราได้รับผลบวกจากราคายางพาราเฉลี่ย YTD ปี 60 อยู่ที่ 291 เยน/KG ซึ่งสูงกว่าราคายางพาราเฉลี่ยปี 59 ถึง 67% ขณะที่บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นได้ 27% เพราะบริษัทมีบริการเก็บรักษา ตรวจสอบคุณสมบัติ รวมถึงช่วยแก้ไขปัญหาในการใช้เคมีภัณฑ์ร่วมกับลูกค้าซึ่งเป็นจุดแข็งที่บริษัทมีเหนือคู่แข่ง อย่างไรก็ตามเราคาดว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะปรับตัวขึ้น 5%YoY จากค่าใช้จ่ายในการเปิดสาขาและค่าจดทะเบียนเข้าตลาด MAI ขณะที่คาดว่าปี 61 กำไรจะเติบโตต่อเนื่อง 24%YoY มาสู่ 59 ล้านบาทตามแผนการขยายสาขาไปยังประเทศพม่าและกัมพูชา

- แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 2.86 บาท : ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐานด้วยวิธี PEG Ratio โดยประเมินกำไรต่อหุ้นปี 60 อยู่ที่ราว 0.119 บาท และคำนวณอัตราการเติบโตของกำไรในปี 60-61 ที่ 24%YoY ได้ราคาเหมาะสมที่ 2.86 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาปิดล่าสุดจึงแนะนำ “ซื้อ”

ปัจจัยเสี่ยง

1) อุตสาหกรรมรถยนต์ชะลอตัวกว่าที่ประเมินไว้

2) การขยายสาขาล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้