ยกฟ้อง! 10แกนนำพันธมิตร คดีพรบ.มั่นคง ปมปราสาทพระวิหาร

ยกฟ้อง! 10แกนนำพันธมิตร คดีพรบ.มั่นคง ปมปราสาทพระวิหาร

พันธมิตรชนะคดี! พล.ต.จำลอง-ปานเทพ-สุริยะใส โล่งไม่ผิดเข้าพื้นที่ พ.ร.บ.มั่นคงฯ หลังชุมนุมค้านรัฐบาลอภิสิทธิ์ ปมมรดกโลกปราสาทพระวิหาร

ที่ศาลแขวงดุสิต ถ.บรมราชชนนี ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.607/2558 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง , นายสนธิ ลิ้มทองกุล , นายประพันธ์ คูณมี , นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ , สมณะโพธิรักษ์ , นายสุริยะใส กตะศิลา , นายเทิดภูมิ ใจดี , นายพิภพ ธงไชย , นายรัชต์ยุตม์ หรืออมร ศิรโยธินภักดี , นายทศพล แก้วทิมา แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) , กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติและเครือข่ายประชาชนปกป้องแผ่นดิน เป็นจำเลยที่ 1- 10 ในความผิดฐานร่วมกันฝ่าฝืนประกาศ และข้อกำหนดห้ามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเข้า หรือให้ออกจากบริเวณพื้นที่ หรือสถานที่ที่กำหนด ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551

โดยอัยการยื่นฟ้องคดี เมื่อวันที่ 10 มี.ค.58 สืบเนื่องกรณีเมื่อวันที่ 8 ก.พ.54 กลุ่ม พธม. และกลุ่มที่ใช้ชื่อ "เครือข่ายประชาชนคนไทยหัวใจรักชาติ" ได้ตั้งเวทีชุมนุม ที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งแกนนำได้สลับกันขึ้นเวทีปราศรัย โจมตีการบริหารประเทศของรัฐบาลกรณีความสัมพันธ์ไทยกับกัมพูชา อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศ ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่มีเหตุการณ์กระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธสู้คดี ซึ่งระหว่างการพิจารณาจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวไป

ขณะที่วันนี้จำเลยทุกคนมาศาล ส่วนนายสนธิ ที่ถูกคุมขังในเรือนจำรับโทษคดีทำผิด พ.ร.บหลักทรัพย์ฯ นั้น ศาลได้เบิกตัวมาจากเรือนจำเพื่อฟังคำพิพากษาด้วย

ภายหลังฟังคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อเวลา 10.30 น. น.ส.อัจฉรา แสงขาว ทนายความนายสนธิ แกนนำ พธม. เปิดเผยว่า วันนี้จำเลยทั้งหมดศาลตามนัด ซึ่งผลนั้นศาลได้พิพากษายกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่า การประกาศพื้นที่ห้าม ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ต้องลงประกาศราชกิจจานุเบกษาด้วยเพื่อให้รับทราบทั่วไป และบังคับใช้ โดยประกาศห้ามของรัฐบาลนั้นได้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 2 มี.ค.54 ซึ่งหลังจากที่พวกจำเลยได้ชุมนุม ทางข้อกฎหมายจึงไม่อาจบังคับโทษได้

อย่างไรก็ดี โจทก์ก็ยังสามารถอุทธรณ์คดีได้ แต่เมื่อมีการพิจารณาข้อกฎหมายลักษณะนี้แล้วว่า ดำเนินคดีไม่ได้ ก็หวังว่า การอุทธรณ์น่าจะพิจารณาให้ถี่ถ้วน

ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ หนึ่งในจำเลยร่วม กล่าวว่า คดีนี้กลุ่มเครือข่ายประชาชนปกป้องแผ่นดิน และกลุ่ม พธม. ได้ร่วมชุมนุมเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ โดยคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียว และกรณีนำคดีปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่โดยรอบไปตีความที่ศาลโลก รวมทั้งการขึ้นทะเบียนทะเบียนมรดกโลกเมื่อปี 2553-2554 ในช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ซึ่งได้มีการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ พ.ศ.2551 พร้อมประกาศพื้นที่ห้ามชุมนุม

โดยเราได้ต่อสู้คดีในหลายประเด็น หนึ่งในประเด็นสำคัญ คือ การออกประกาศที่เป็นโทษกับประชาชนจะต้องลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาก่อน แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่รัฐได้เอาผิดกับประชาชนก่อนที่จะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษากรณีดังกล่าวกฎหมายจึงไม่สามารถบังคับใช้ได้ และผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 10 คน จึงไม่มีความผิด ดังนั้นศาลจึงพิพากษายกฟ้อง

ซึ่งถือเป็นคดีแรกในรอบหลายปี ที่ได้มีการพิสูจน์ตามกระบวนการยุติธรรมแล้วศาลพิพากษาว่า ไม่มีความผิด เพราะเห็นว่า มีการกระทำผิดขั้นตอนตามกฎหมาย ซึ่งเป็นอุทาหรณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า การจับกุมลักษณะเช่นนี้เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

"ที่จริงแล้วบทลงโทษในคดีนี้อาจจะไม่มาก เนื่องจากเป็นความผิด พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แต่เราตัดสินใจต่อสู้คดีโดยใช้เวลาถึง 6 ปีเต็ม เพื่อหวังว่า สิ่งที่ไม่ถูกต้อง จะต้องถูกต่อสู้ทางคดีความจากประชาชน เพื่อหวังจะสร้างบรรทัดฐานในเรื่องการชุมนุมกับการบังคับใช้กฎหมายโดยมิชอบให้ได้รับความเป็นธรรมกับประชาชน" นายปานเทพ กล่าว