TKN - ซื้อ

TKN - ซื้อ

ได้เวลาลิ้มลองสาหร่ายอีกครั้ง!

ประเด็นการลงทุน

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรในปี 2560 ขึ้น 10% จากแนวโน้มยอดขายในประเทศที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวดีกว่าคาดรวมถึงยอดขายในต่างประเทศที่คาดว่าจะโตแรงกว่าที่คิด ทำให้เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นจาก 21.90 บาทเป็น 24.80 บาท เราไม่มีความกังวลต่อข่าวลือประเด็นภาษีเนื่องจากหากเกิดขึ้นจริงก็จะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นเพียงเล็กน้อย
เรามองว่าราคาที่ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นจังหวะดี ในการเข้าซื้อดังนั้นเราจึงปรับคำแนะนำจาก”ถือ”เป็น ”ซื้อ”

ยอดขายในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวแรง

เราเชื่อว่ายอดขายในประเทศที่อ่อนแอในช่วงไตรมาสแรกนั้นเป็นจุดต่ำสุด เราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของยอดขายตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งการฟื้นตัวดัวกล่าวมีแนวโน้มดีกว่าที่เราคาดไว้เดิม หากการฟื้นตัวนี้ สามารถรักษาโมเมนตัมการเติบโตได้ตลอดไตรมาส ยอดขายในประเทศน่าจะโตได้ถึง 5% ในไตรมาส 2/60 ซึ่งดีกว่าที่เราคาดไว้เดิมที่ 1% ทั้งนี้
เราเชื่อว่าแนวโน้มการเติบโตนี้น่าจะดีต่อเนื่องไปในไตรมาส 3/60 และจะดียิ่งขึ้นไปอีกในไตรมาส 4/60 จากปัจจัยทางด้านฤดูกาลรวมถึงฐานต่ำจาก ช่วงไว้อาลัย ทำให้เราปรับประมาณการการเติบโตของยอดขายในประเทศปี 2560 จากเดิม 2% เป็น 5%

ตลาดต่างประเทศมีแนวโน้มโตแรงกว่าที่คิด

ปัญหากำลังการผลิตของโรงงานแห่งใหม่ที่ไม่สามารถรองรับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศได้ทั้งหมดในไตรมาสแรกกำลังจะคลี่คลายไป เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตของ phrase แรกซึ่งเป็นสายการผลิตอบและทอด เริ่มปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 2ซึ่งน่าจะช่วยรองรับการเติบโตของตลาด อินโดนีเซียและมาเลเซียที่คาดว่าจะเติบโต 80% YoY และ 4% YoY
ตามลำดับได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้บริษัทจะขึ้นการผลิตphrase 2 ในเดือน สิงหาคมซึ่งเป็นสายการผลิตย่างเพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากจีนที่ตามปกติแล้วจะมีคำสั่งซื้อค่อนข้างมากในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ทำให้เราปรับประมาณการการเติบโตของยอดขายในต่างประเทศจาก 17% เป็น 20%

ประเด็นข่าวลือเรื่องภาษี

จากประเด็นความกังวลที่เกี่ยวข้องกับการโดนเรียกตรวจสอบเอกสารประกอบการนำเข้าวัตถุดิบย้อนหลัง ซึ่งอาจทำให้บริษัทต้องชำระภาษีรวมค่าปรับมากถึง 200 ล้านบาทนั้น ปัจจุบันบริษัทอยู่ในขั้นตอนของการส่งเอกสารเพื่อให้หน่วยงานราชการตรวจสอบ ซึ่งหากบริษัทโดนเรียกเก็บภาษีจำนวนดังกล่าวจริงก็จะส่งผลให้ประมาณการกำไรในปีนี้ลดลง 21% อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าหากประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นจริงจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นอย่างจำกัดเนื่องจาก 1) รายการดังกล่าวเป็นรายการทีจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว 2) ค่าใช้จ่ายที่จะโดนเรียกเก็บจำนวน 200 ล้านบาทนั้นคิดเป็น 0.14 บาท/หุ้นเท่านั้น 3) ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงอาจต่ำกว่าที่คาดไว้ 4) ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาอย่างมากที่ผ่านมาได้สะท้อนข่าวดังกล่าวแล้ว