ROBINS - ซื้อ

ROBINS - ซื้อ

ยุคของการเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงาน

ประเด็นการลงทุน

เราชอบ ROBINS ในเรื่องของการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงาน โดยกลยุทธ์และความคิดริเริ่มของบริษัทที่ช่วยดันผลประกอบการของแต่ละสาขาจะหนุนให้การเติบโตระยะกลางแข็งแกร่ง ในขณะที่แผนการพัฒนาธุรกิจอืนๆนอกเหนือจากห้างสรรพสินค้าจะปลดล็อคศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของบริษัท เรามองว่ามูลค่าหุ้นปัจจุบันน่าสนใจมาก โดย ROBINS ซื้อขายที่ PER ปี 2560 เพียง 22.4 เท่า (เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 27 เท่า) อีกทั้งยังมีอัพไซด์ 19% ต่อราคาเป้าหมาย 70 บาท ณ สิ้นปี 2560 ซึ่งประเมินด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

มากกว่าการเป็นห้างสรรพสินค้า

ROBINS มีเป้าหมายจะเป็นมากกว่าผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า บริษัทได้เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Robinson Department Store มาเป็น Robinson เนื่องจากธุรกิจของบริษัทจากนี้ไปจะไม่ใช่มีเพียงแค่ห้างสรรพสินค้า แต่รวมถึงการบริหารแบรนด์, ร้านค้าปลีกและศูนย์การค้า เราคาดทุกธุรกิจจะช่วยหนุนการเติบโตระยะกลางถึงระยะยาวให้กับบริษัท แม้แต่ธุรกิจห้างสรรพสินค้าที่ชะลอตัวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็ตาม

ยอดขายสาขาเดิมกำลังจะฟื้นตัว

ในระยะสั้น เราคาดยอดขายสาขาเดิมของห้างสรรพสินค้าจะยังชะลอตัว เนื่องจากการบริโภคในประเทศยังคงอ่อนแอ แต่ในระยะกลางถึงระยะยาว ยอดขายสาขาเดิมน่าจะค่อยๆฟื้นตัวและอาจจะเติบโตดีกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มหนุนโดยกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพของบริษัท โดยการลดพื้นที่การจัดวางสินค้าที่ขายได้ช้าและมีการแข่งขันสูงเป็นสินค้าในกลุ่มยอดนิยม 7 กลุ่ม (รองเท้า, กางเกงยีนส์, ชุดชั้นใน, ของใช้เด็ก, กระเป๋าเดินทาง, ของใช้ในบ้าน, และผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงาม) จะช่วยหนุนให้ยอดขาย/ตารางเมตร เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่การสร้างคอนเซปต์ใหม่เพื่อตามเทรนการบริโภคจะช่วยกระตุ้นยอดขายและขยายฐานลูกค้า

เน้นการบริหารแบรนด์มากขึ้น

การบริหารแบรนด์เป็นปัจจัยหลักที่จะทำ ให้ ROBINS เป็นมากกว่า ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า แบรนด์ภายใต้การบริหารได้แก่แบรนด์ที่บริษัทเป็นเจ้าของเองและแบรนด์นำเข้าซึ่งบริษัทเป็นผู้กระจายสินค้า จากนี้ไปแบรนด์เหล่านี้ไม่ถูกจำกัดให้วางขายเพียงในห้างสรรพสินค้าของบริษัทแล้ว แต่สามารถมีร้านค้าเป็นของตนเองทั้งที่อยู่ในศูนย์การค้าของบริษัทและ
ศูนย์การค้าอื่นๆ ทั้งนี้ ROBINS มีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายแบรนด์ที่บริษัทบริหารเองจาก 11% ของยอดขายในปี 2559 มาอยู่ที่ 14% ของยอดขายปี 2560 และเป็น 20% ในปี 2563 จากการวิเคราะห์ของเราสัดส่วน การขายสินค้าที่บริษัทบริหารเองเพิ่มขึ้น 1% จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทสูงขึ้น 0.12%

ภาพกำไรเติบโตแข็งแกร่ง

แม้ยอดขายสาขาเดิมชะลอตัว แต่อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นและการเปิดสาขาใหม่น่าจะช่วยหนุนให้กำไรปกติขยายตัวได้ 16% ในปี 2560 โดยเราคาดว่าการเติบโตในครึ่งหลังปี 2560 จะแข็งแกร่งกว่าการเติบโตในครึ่งปีแรกมากหนุน โดยอัตรากำไรที่จะสูงขึ้นและจากฐานต่ำในปีที่แล้ว ส่วนในปี 2561 จะน่าสนใจกว่านี้อีกเนื่องจากการฟื้นตัวของการบริโภคจะเป็นอีกแรงส่งที่สำคัญ