“มรกต”รุกกลยุทธ์ออนไลน์รับผู้บริโภคยุคดิจิทัล

“มรกต”รุกกลยุทธ์ออนไลน์รับผู้บริโภคยุคดิจิทัล

“มรกต” บิ๊กแบรนด์น้ำมันพืช ปรับกลยุทธ์ทำตลาดรุกออนไลน์ รับยุคดิจิทัล เดินหน้าให้ข้อมูลความรู้ผู้บริโภคที่ถูกต้องเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ เผยตลาดน้ำมันพืช 4-5 หมื่นล้านบาท ยังโตตามเศรษฐกิจ 

นางสาวนุชนาถ สุขมงคล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มรกต อินดัสตรี้ส์ จำกัด(มหาชน) ผู้ผลิตและทำตลาดน้ำมันพืชมรกต เปิดเผยว่า จากพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปมาก หันมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โทรศัพท์มือถือ เพื่อสื่อสารบนโลกโซเชียลมากขึ้น ทำให้บริษัทปรับแผนการทำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคน้ำมันพืชแบรนด์มรกตใหม่ โดยให้น้ำหนักในการทุ่มงบทำการตลาดดิจิทัลมากขึ้นถึง 50% และลดการใช้สื่อทั่วไปลง โดยเฉพาะการโฆษณาประชาสัมพันธ์บนสื่อสิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ต่างๆ ซึ่งเดิมบริษัทจะใช้สื่อดังกล่าวในการเจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก

นอกจากนี้ ยังพบว่า ปัจจุบันการสื่อสารบนโลกโซเชียล มักมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์น้ำมันพืชหลากหลาย โดยบางข้อมูลทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดเกี่ยวกับคุณสมบัติผลิตภัณฑ์น้ำมันพืชชนิดต่างๆ กระทบต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของบริโภคสินค้าค่อนข้างมาก เช่น เรื่องความอ้วน เป็นต้น

สำหรับแนวทางการทำตลาดดิจิทัลปีนี้จะเริ่มสื่อสารให้ความรู้ ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ น้ำมันพืชประเภทใด มีคุณสมบัติอย่างไร และควรนำไปประกอบอาหารแบบไหนจึงจะเหมาะสม เช่น น้ำมันปาล์มใช้สำหรับทอด เป็นต้น

“ปีนี้เป็นปีแรกที่บริษัทมีการเปลี่ยนแปลง โดยปรับสัดส่วนการทำตลาดรุกช่องทางออนไลน์มากขึ้น จากที่ผ่านมาจะโฆษณาประชาสัมพันธ์ลงในหนังสือพิมพ์เป็นหลัก ส่วนโทรทัศน์ก็ทำน้อยอยู่แล้ว และการทำตลาดดิจิทัลจะเน้นให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับน้ำมันพืช เพราะปัจจุบันมีข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันพืชออกมาจำนวนมากบนเฟสบุ๊ค โซเชียลมีเดียต่างๆ”

สำหรับภาพรวมตลาดน้ำมันพืชมีมูลค่าตลาดประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น น้ำมันปาล์ม 70% น้ำมันถั่วเหลือง 30% และอื่นๆ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด เป็นต้น 

โดยตลาดรวมมีอัตราการเติบโตสอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) 3-4% เพราะน้ำมันถือเป็นสินค้าจำเป็นต่อการบริโภคในชีวิตประจำวัน

ปัจจุบันน้ำมันพืชมรกตเป็นผู้นำตลาดทั้งด้านยอดขายและแบรนด์องค์กร โดยสินค้าที่มียอดขายสูงสุดของบริษัทจะเป็นแบรนด์มรกต ตามมาด้วยแบรนด์ เอมเมอรัล นิวทริ เบลนด์ และทิพ โดยในปีนี้จะออกสินค้าใหม่แบนด์ไลท์ (Lite)  ซึ่งเป็นน้ำมันที่ลดไขมันอิ่มตัวลง 25% เพื่อรับกับเทรนด์สุขภาพด้วย

“ภาพรวมเศรษฐกิจกำลังซื้อไตรมาส 1 ค่อนข้างเงียบ แต่ด้วยสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างน้ำมันพืชเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับทุกครัวเรือน จึงไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบมากขึ้น ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2 คาดว่ายังขยายตัวได้ เพราะเป็นช่วงโรงเรียนเปิดเทอม พ่อแม่ก็จะปรุงอาหารให้ลูกๆ แต่ตลาดคงไม่หวือหวามากนัก อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตสอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ”

นางโกสุม สินเพิ่มสุขสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จำกัด ผู้จัดจำหน่ายน้ำมันพืชกุ๊ก กล่าวถึง แนวโน้มกำลังซื้อในไตรมาสสองว่า ยังต้องรอประเมินสถานการณ์ในช่วงเวลาที่เหลือ แต่ประเมินว่ากำลังซื้อค่อนข้างชะลอตัว เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่กำลังซื้อยังดีอยู่ 

อย่างไรก็ตามทั้งปียังคาดการณ์ว่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคปีนี้จะเติบโตกว่าปีก่อน ในส่วนของบริษัทก็คาดว่าจะเติบโต10%มียอดขายที่2,500ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมียอดขาย2,200ล้านบาท”