แอกซ่าชี้ประกันรถปีนี้ยังแข่งดุ

แอกซ่าชี้ประกันรถปีนี้ยังแข่งดุ

แอกซ่าประกันภัย ชี้จุดเปลี่ยนตลาดประกันรถ ลูกค้าจ่ายค่าเบี้ยต่อคันถูกลงตามภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่แนวโน้มตลาดครึ่งปีหลังยังแข่งราคาดุ

แอกซ่าประกันภัย ชี้จุดเปลี่ยนตลาดประกันรถ ลูกค้าจ่ายค่าเบี้ยต่อคันถูกลงตามภาวะเศรษฐกิจ ล่าสุดโดดขยายฐานลูกค้าใหม่ประกันรถ 2+ จ่ายเบี้ยเริ่มต้น 6,300 บาทต่อปีหวังโตกว่าตลาดจากเบี้ยรับรวมไตรมาสแรกที่ 833 ล้านบาท โต 12.7% ทั้งปี ขณะที่แนวโน้มตลาดครึ่งปีหลังยังแข่งราคาดุ

นางสาวชาญาณา พูลทรัพย์ ผู้อำนวยการสายงานการเงิน และ คณิตศาสตร์ประกันภัย บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดประกันภัยรถยนต์ในช่วงปีนี้ยังมีเบี้ยเติบโตไม่มาก โดยเฉพาะประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ขณะที่ยอดขายรถใหม่เติบโตขึ้นมาก  จากยอดขายรถยนต์ในกลุ่มรถอีโคคาร์ ทำให้จำนวนเบี้ยต่อคันลดลง และรถที่เคยทำประกันชั้น 1 เปลี่ยนมาทำประกันชั้น 2+ มากขึ้น ซึ่งก็มีจำนวนเบี้ยต่อคันถูกลง หลังจากหลายบริษัทประกันเริ่มหันมาทำตลาดแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนไปและบริหารต้นทุนจากค่าซ่อมค่าอะไหล่ที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่สถานการณ์การแข่งขันราคายังคงดุเดือด

ด้านประกันภัยรถยนต์ของแอกซ่านอกจากกลุ่มลูกค้าระดับ B+ ถึง A ขึ้นไป ทำประกันภัยรถชั้น 1 ที่เป็นลูกค้าหลักแล้ว ในปีนี้บริษัทจะมุ่งขยายฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มลูกค้าทั่วไปมากขึ้น ที่สามารถเลือกจ่ายเบี้ยถูกลงแต่ยังคงได้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันภัยชั้น 1 ตอบโจทย์ความต้องการในยุคภาวะที่เศรษฐกิจมีความท้าทาย

ล่าสุดได้ออกแอกซ่า มอเตอร์ 2+ ซุปเปอร์เซฟ (AXA Motor 2+ Super Save) ด้วยเบี้ยเริ่มต้นเพียง 6,300 บาทต่อปี คาดว่าจะช่วยให้เบี้ยประกันรถยนต์ของบริษัทเติบโตได้มากกว่าตลาดที่คาดว่าจะเติบโต 1-2%

ช่วงไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีเบี้ยประกันภัยประมาณ 833 ล้านบาท เติบโต 12.7% ถือว่าเติบโตสูงกว่าตลาด เป็นสัดส่วนประกันภัยรถยนต์ 50% อีก 50% เป็นประกันภัยไม่ใช่รถยนต์หรือนอนมอเตอร์ โดยทั้งปีตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมสูงกว่าอุตสาหกรรมธุรกิจประกันภัยที่คาดว่าจะเติบโต 3-4% และในปี 2559 บริษัทเติบโต 6.9% มีเบี้ยประกันภัยที่ 3,450 ล้านบาท

นางสาวชาญาณา กล่าวว่า แนวโน้มตลาดประกันวินาศภัยในช่วงครึ่งปีหลัง ยังแข่งขันราคาที่ดุเดือด โดยเฉพาะตลาดประกันภัยรายย่อย ราคาเบี้ยจะถูกลง แต่ด้วยอัตราความสูญเสียในตลาดที่ถือว่าสูง มองว่าตลาดต้องหันมาเพิ่มประสิทธิภาพด้านอื่นๆ แทน นับว่าเป็นความท้าทายในตลาดประกันวินาศภัยปีนี้

ขณะที่สถานการณ์ภัยธรรมชาติยังมีความกังวลเพราะประเมินได้ยากจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในโลกที่ค่อนข้างรวดเร็ว และการที่ลูกค้าสามารถหาข้อมูลต่างจากสื่อต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ทำให้มีความรู้เพิ่มมากขึ้น แน่นอนว่าภาคธุรกิจต้องพัฒนาช่องทางใหม่ๆ เข้ามา รองรับความต้องการใหม่ที่จะเกิดขึ้น

“ช่วงครึ่งปีหลังน่าจะเห็นประกันวินาศภัยเติบโตมากกว่าช่วงครึ่งปีแรก หากเศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานได้และยอดขายรถยังเติบโตจะเป็นแรงผลักดันให้กลับมาเติบโตไปได้ดีขึ้นแน่นอน”