Retail Market Monitor (26 พ.ค.60)

Retail Market Monitor (26 พ.ค.60)

พลังงานยังคงกดดันดัชนีผันผวนในกรอบ 1560-1570

เรายังคงคาดหุ้นไทยผันผวนในกรอบ 1560-1570 ราคาโภคภัณฑ์อาจถูกกดดันระยะสั้น จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงจากแรงทำกำไร เนื่องจากโอเปคไม่มีมาตรการใหม่ที่สร้างความตื่นเต้นให้ตลาด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นเป็นแรงกดดันอีกทาง อย่างไรก็ตามภาพของเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้น ประกอบกับบรรยากาศในภูมิภาคที่ผ่อนคลายลงหลังจีนอัดฉีดสภาพคล่องผ่านข้อตกลงซื้อคืนพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (Reverse repo) หลังถูกปรับลดอันดับเครดิต ช่วยให้ภาพตลาดไม่มีปัจจัยบวกชัดเจน แต่ไร้ปัจจัยลบที่รุนแรง ขณะที่เริ่มเห็นเม็ดเงินไหลกลับซึ่งเรามองเป็นบวกต่อการบรรยากาศการเก็งกำไรรายตัว ในทางเทคนิค การผ่าน 1570 จะทำให้ตลาดมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1580-1600 แต่จะผันผวนมากขึ้น การเก็งกำไรควรเลือกหุ้นที่ยัง Laggard และตั้งจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง // หุ้นแนะนำ ERW, IRPC, OTO*, EASTW* /เก็งกำไร VNG*, GCAP*

ประเด็นการลงทุน

โอเปคไม่ปรับลดกำลังการผลิตเพิ่ม – ราคาน้ำมันปรับลดลง 5% หลังจากที่ประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก มีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 9 เดือน ถึงเดือนมี.ค.61 โดยไม่มีการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น (จากมติเดิม ลด 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน) การประชุมโอเปกครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.

โภคภัณฑ์ – ราคาทองคำปรับลดลงจากค่าเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น จากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และการคาดการณ์เฟดขึ้นดอกเบี้ยมิ.ย.ที่ยังอยู่ในระดับสูง (FedWatch 83% และ Bloomberg 100%) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นโดยรวมทรงตัว ขณะที่ดัชนีค่าระวางเรือ (BDIX ปิดวันทำการล่าสุดที่ 918.00 จุด ลดลง 16.00 จุด หรือ -1.71%

กลุ่มธนาคาร – ภาพรวมสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์เม.ย.60 เพิ่มขึ้น 0.4% MoM และ 2.13% YoY สูงสุดในปีนี้ ผลจากการเร่งตัวขึ้นของสินเชื่อที่อยู่อาศัย และการเติบโตต่อเนื่องของสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนของธุรกิจในประเทศ เป็นสัญญาณบวกต่อการฟื้นตัวของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยหุ้นเดินของเราคือ SCB, KBANK, KTB

หุ้น Laggard ใน SET100 - ที่เราคิดว่าน่าสนใจในการเก็งกำไรระยะสั้น ได้แก่ – SCN, TKN, PTG, GLOBAL, BANPU, TASCO, STPI, ICHI, LPN, BLA, BDMS, AMATA, TTA, TPIPL, CPF, BCH, SAMART, VNG, CHG, TMB

สำหรับปัจจัยติดตามที่สำคัญ: 14 มิ.ย. – ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC meeting) / 22-23 มิ.ย. – ตลท.จัดงาน Thailand Big Strategic Move / ก.ค. – อนุมัติเงินกู้งวดใหม่ให้กรีซ

คำแนะนำทางกลยุทธ์: การกลับมายืนเหนือ 1560 จุด ทำให้ตลาดมีโอกาสทดสอบ 1580-1600 แต่ควรบริหารความเสี่ยงด้วยการเลือกหุ้นที่ยัง Laggard // ภาพระยะกลาง ยังมีความเสี่ยงในการลงทดสอบ 1460 จุด

แนวรับ 1560/แนวต้าน : 1570-1575 จุด สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60% (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH)

หุ้นแนะนำ

- ERW (6.20) : หุ้น top pick ในกลุ่มโรงแรมจากการเติบโตที่โดดเด่นในปี 2560 โดยภาพรวมการใช้ห้องพักและราคาเฉลี่ยเติบโตขึ้น YoY ส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 ที่เป็น low season ให้มีกำไรได้ และคาดผลการดำเนินงานเดินหน้าดีขึ้นจนถึงไตรมาส 4/60

- IRPC (6.70) : ราคาหุ้นปรับลดลงจากแรงทำกำไร และความตกใจจากการที่ตัวทำปฏิกิริยา (Catalyst) ของหน่วยผลิต UHV ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธ์ิภาพ อย่างไรก็ตามเรามองผลกระทบเชิงลบจำกัด และมองบริษัทมีโอกาสทำกำไรได้ดีและยังคงมีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการขึ้น และการปรับลดลงเป็นโอกาสซื้อ

- OTO* (8.50) : ผู้นำในตลาดธุรกิจศูนย์บริการข้อมูล (contact center) และลักษณะรายได้มีความต่อเนื่องตามสัญญาการให้บริการ และมีแนวโน้มฟื้นตัวตามกลุ่มลูกค้าในหมวดอุตสาหกรรมการเงิน ธนาคารประกัน ท่องเที่ยว สายการบินและโทรคมนาคม โดยคาดกำไรเติบโตไม่ตํ่ากว่า 15% ในช่วง 2560-61

- EASTW (15) : คาดผลการดำเนิน 2560 ฟื้นตัวจากภัยแล้งที่ลดลงทำให้ปริมาณขายน้ำฟื้นตัว ขณะที่ต้นทุนการผันน้ำลดลง นอกจากนี้การเติบโตระยะกลาง-ยาว ได้รับปัจจัยหนุนจาก EEC ทำให้ปริมาณขายน้ำมีโอกาสเติบโตสู่ระดับ 4-5% ต่อปี จากปกติ 1-3% คาดการณ์ผลตอบแทนปันผลที่ 4.7% 

- เก็งกำไร VNG*, GCAP*