โนเกีย ชู 6 เมกะเทรนด์ เปลี่ยนโลก

โนเกีย ชู 6 เมกะเทรนด์ เปลี่ยนโลก

“โนเกีย” ยก 6 เมกะเทรนด์สำคัญเปลี่ยนโลกธุรกิจ-การใช้ชีวิต ชี้คลาวด์ ไอโอที เออาร์ ดิจิทัลทรานสฟอร์เมชั่น หลีกเลี่ยงไม่ได้

“โนเกีย” ยก 6 เมกะเทรนด์สำคัญเปลี่ยนโลกธุรกิจ-การใช้ชีวิต ชี้คลาวด์ ไอโอที เออาร์ ดิจิทัลทรานสฟอร์เมชั่น หลีกเลี่ยงไม่ได้ สมาร์ทโฮมรับสังคมผู้สูงอายุกระแสแรง แนะผู้ประกอบการเตรียมพร้อมรับมือสมรภูมิใหม่บน 5จี

นายเซบาสเตียน โลฮอง ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย โนเกีย กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีกำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อทุกภาคส่วนทั้งการใช้ชีวิตประจำวันของบุคคล วิธีการทำงานทางธุรกิจ การติดต่อสื่อสารกับลูกค้า รวมไปถึงกระบวนการทำงานในภาคส่วนอุตสาหกรรมและบริการสาธารณะ

โดย 6 เมกะเทรนด์ที่กำลังผลักดันให้เกิดนวัตกรรมของเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบ การวางระบบ การใช้งาน การจัดการ และการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ประกอบด้วย 1.เครือข่าย คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล การสื่อสารไร้พรมแดน และคลาวด์แบบกระจาย 2.อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงค์ (ไอโอที) โดย การ์ทเนอร์ประเมินว่าเมื่อถึงปี2563 จะมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่ราว 2 หมื่นล้านชิ้น

ขณะที่ 3.ปัญญาเสริม (Augmented intelligence) เครื่องมือใหม่ๆ ที่สามารถช่วยในการตัดสินใจ และการทำงานเองโดยอัตโนมัติจะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น 4.การปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์และเครื่องจักร เทคโนโลยีเออาร์ และการเพิ่มอินเตอร์เฟซใหม่ๆ จากเสียงและท่าทาง การติดตั้งชิป และสิ่งต่างๆ ที่มีความฉลาดมากขึ้น 5. ลักษณะของเงินจะเปลี่ยนไปโดยมีสกุลเงินดิจิทัลขึ้นมารับบทบาทที่สำคัญมากขึ้น ส่งผลให้ความไว้วางใจและความปลอดภัยมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ 6. ธุรกิจจะปรับการดำเนินการด้านต่างๆ เท่าที่เป็นไปได้ไปสู่ความเป็นดิจิทัลมากขึ้น ตัวอย่างเช่นการขยายสู่โลกของผู้บริโภคและชีววิทยา ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ท้าทายอย่างมาก เช่นการพิมพ์แบบสามมิติของอวัยวะเพื่อการปลูกถ่าย

ส่วนของบริษัท มั่นใจว่านวัตกรรมเครือข่ายใหม่ล่าสุด "เทคโนโลยี 4.9 จีแอร์สเกล" ซึ่งเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทำให้การส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายมีความเร็วสูงสุดถึง 3 กิกะบิต เหมาะกับการลงทุนขยายโครงข่ายของผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือไทย อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเชื่อมต่อที่จะเพิ่มขึ้นมหาศาลในยุค 5จีในอนาคต

นอกจากนี้ ที่กำลังเป็นกระแสของโลกและบริษัทให้ความสำคัญอย่างมาก ยังมีการหาโซลูชั่นเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ดังนั้น โนเกียได้คิดค้นโซลูชั่นสมาร์ทโฮม บ้านอัจฉริยะสำหรับผู้สูงอายุ เพราะเห็นว่ากว่า 16% ของประชากรโลกจะมีอายุมากกว่า 60 ปีภายในปี 2573 ขณะเดียวกันความต้องการในการดูแลและช่วยเหลือในการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุยังคงเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ดี ผู้ให้บริการโทรคมนาคมสามารถใช้ โนเกีย สมาร์ท โฮม เกตเวย์ในการให้บริการบ้านอัจฉริยะ และช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับผู้สูงอายุ อาทิ ระบบอัตโนมัติในบ้าน การรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน และการดูแลสุขภาพ

นอกจากนี้โนเกียยังมีอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายความเร็วสูงและเชื่อมต่อภายในบ้านได้ รวมทั้งยังมี การติดตามสมาชิกในครอบครัว จากแพลตฟอร์มโนเกีย อิมแพ็ค ที่ใช้ระบบคลาวด์ จะทำให้การติดตามสมาชิกในครอบครัวและยานพาหนะมีความแม่นยำ เชื่อถือได้ และปลอดภัยมากขึ้น คุณสมบัติรวมไปถึง การติดตามโดยใช้เรียลไทม์ จีพีเอส การใช้ไมโครโฟนและลำโพงเพื่อโทรออก ปุ่มเตือนภัยซึ่งจะส่งสัญญาณ ขอความช่วยเหลือพร้อมตำแหน่งที่อยู่ทางภูมิศาสตร์ และ การแจ้งเตือนการออกนอกเขต