ตร.นำ'นพ.สุพัฒน์'ไปประจวบฯ ก่อนเข้ากรุง

ตร.นำ'นพ.สุพัฒน์'ไปประจวบฯ ก่อนเข้ากรุง

ตร.ควบคุม “พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์” ผู้ต้องโทษประหาร จากแม่สอด จ.ตาก มาท่าอากาศยานหัวหิน ก่อนนำตัวไปสอบสวนที่ตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี ก่อนเดินทางเข้ากรุงเทพ

ภายหลังจากตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดเพชรบุรี ได้ติดตามสะกดรอยบุคคลใกล้ชิดของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ ที่หลบหนีคำพิพากษาประหารชีวิตของศาลจังหวัดเพชรบุรี โดยชุดสืบสวนสะกดรอยคนใกล้ชิดของอดีตนายตำรวจคนดัง ไปถึง อ.แม่สอด จ.ตาก จากนั้นพบว่าคนใกล้ชิดใช้ช่องทางธรรมชาติข้ามไปยังแนวชายแดนประเทศเมียนมา เมื่อปลายปีที่ผ่านมา หลังจากนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้รับรายงาน จึงประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางประเทศเมียนมาเพื่อให้ช่วยควบคุมตัวอดีตนายตำรวจคนดังนายนี้ และทางตำรวจเมียนมาสามารถควบคุมตัวได้และดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

ล่าสุด วันนี้ (25พฤษภาคม2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ท่าอากาศยานหัวหิน อ.หัวหิน จ.ระจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.ธรรมศักดิ์ วิชชาระยะ ผช.ผบ.ตร.และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้คุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ต้องหาคดีฆ่าฝังคนงานชาวเมียรมาร์ ถูกตัดสินประหารชีวิต แล้วหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งถูกทางการเมียรมาร์จับตัวได้ในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง โดยถูกตัดสินจำคุก2ปี แต่ถูกปล่อยตัวก่อนกำหนด ซึ่งทางการไทยได้ติดต่อขอรับตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยและถูกส่งกลับมาแล้วนั้น

โดยได้ถูกนำตัวขึ้นเครื่องบินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แบบปีกติด (Fixed Wing)ถึงยังท่าอากาศยานหัวหินแล้ว โดยมี พล.ต.ท.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประเสริฐ ศิริพรรณาภิรัตน์ ผู้บังคับการ (ผบก.) ประจำกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ ,พ.ต.อ.สิทธัย ศรีโสภาเจริญรัตน์ ผกก.สภ.หัวหิน มาอำนวยความสะดวก

พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาว เดินลงมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนที่ พันตำรวจเอกอาจิน บัวผัน ผู้กำกับสืบสวน หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.)จ.เพชรบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ นปพ.,ตำรวจท่องเที่ยว และ ตำรวจ สภ.ชะอำ และ สภ.ท่าไม้รวก เจ้าของคดี ได้คุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ขึ้นรถยนต์ทันที พร้อมมาตราการรักษาความปลอดภัยสูงสุด เดินทางต่อไปยังตำรวจภูธรเพชรบุรี เพื่อแถลงข่าวผลการจับกุมตัวต่อสื่อมวลชน จากนั้นจะเดินทางกลับมาขึ้นเครื่องที่สนามบินหัวหินอีกครั้ง ในเวลา 17.30 น. เพื่อเดินทางต่อไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีกำหนดการถึงในเวลา 18.30 น.วันนี้

 สำหรับคดีของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ศาลจังหวัดเพชรบุรี นัดอ่านคำพิพากษาที่อัยการเป็นโจทก์ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ ร.พ.ตำรวจ จำเลยที่1นายอัคร เลาหะวัฒนะ จำเลยที่2และนายเอก เลาหะวัฒนะ จำเลยที่3ซึ่งเป็นบุตรชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ฐานความผิดร่วมกันฆ่า ผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฝัง ปิดบังซ่อนเร้นศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและกระทำการใดๆ แก่ศพ ก่อนมีการชันสูตรพลิกศพเพื่อการอำพรางคดีโดยคดีดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อพ.ศ.2555นายสว่าง นุ่มจุ้ย เจ้าของไร่สับปะรดใน จ.เพชรบุรี และน.ส.วิมล บุตรสาวได้ไปแจ้งความที่สภ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ว่าพบรถกระบะโตโยต้า ไทเกอร์ สีเทา ของนายสามารถ นุ่มจุ้ย กับ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ ลูกชายและลูกสะใภ้ที่หายไปพร้อมรถยนต์นานกว่า3ปี จอดอยู่ที่บ้านร้างของพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่จ.นนทบุรี  

ต่อมา มีการสืบสวนขยายผลตรวจค้นบ้านพักในไร่ของพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่บ้านท่ามะริด ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี พบโครงกระดูกมนุษย์3รายถูกฝังอยู่โดย1ในนั้นมีร่องรอยกระสุนปืนที่กะโหลกศีรษะ เมื่อตรวจพิสูจน์ทางดีเอ็นเอแล้ว พบว่าเป็นโครงกระดูกของนายอีต้า แรงงานชาวพม่าที่สูญหายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามตัว และจับกุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ก่อนแจ้ง ข้อกล่าวหา3คดีคือค้ามนุษย์ ลักทรัพย์ และฆ่าผู้อื่นโดยปิดบังอำพรางศพ

โดยพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ขอประกันตัวสู้คดี  ต่อมาวันที่1ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลเพชรบุรีนัดพิจารณาคดีฆ่าผู้อื่น แต่พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่ได้มาศาลทั้งยังไม่ได้ให้ตัวแทนมาแสดงเหตุผลต่อศาลว่าผิดนัดด้วยเหตุใด ศาลจึงออกหมายจับ และให้ยึดหลักทรัพย์ประกันขอปล่อยตัวชั่วคราวจำนวน3ล้านบาท และอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย ซึ่งศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งของโจทก์และจำเลย รวมทั้งพยานคือนายสรพงษ์ หรือกะลา และนายโย่ง ชาวพม่า คนงาน ในไร่พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ให้การตรงกันว่า เหตุการณ์ฆาตกรรมนายอีต้า เกิดเมื่อ ประมาณเดือนก.พ.2547เนื่องจากพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่พอใจที่นายอีต้าสนิทสนมกันนางวิลสา จันทรบัญชร ภรรยาคนที่3ของตัวเอง จึงให้นายกะลาจับกุมนายอีต้าไปไว้ในไร่แล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงก่อนขุดหลุมฝัง โดยมีนายเอกร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ส่วนนายโย่งหลบหนีมาได้ 

ทั้งนี้ศาลพิจารณา ว่าคำให้การของนายอีต้าและนายโย่งสอดคล้องกัน  นอกจากนี้ผลการตรวจสอบนิติวิทยา ศาสตร์พบว่า กะโหลกที่ขุดพบในจุดที่นายกะลา ชี้ว่าฝังศพนายอีต้า มีรอยกระสุนปืนและพบเศษชิ้นส่วนกระสุนปืน เมื่อนำกะโหลกไปตรวจสอบดีเอ็นเอเทียบกับ บิดาและลูกชายนายอีต้าพบว่าตรงกัน จึงยืนยันว่าเป็นกะโหลกของนายอีต้า ที่ถูกฆาตกรรมโดยการยิงที่ศีรษะตรงกับคำให้การนายกะลา  ศาลจึงพิพากษาให้ประหารชีวิต พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ และนายเอก เลาหะวัฒนะ บุตรชายข้อหาร่วมกันฆ่าแรงงานชาวพม่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฝัง ปิดบัง ซ่อนเร้นศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและการกระทำใดๆ แก่ศพก่อนมีการชันสูตรพลิกศพเพื่อการอำพรางคดี ส่วนนายอัคร เลาหะวัฒนะ บุตรชายอีกคนที่ร่วมก่อคดี ขณะเกิดเหตุอายุ19ปีเศษยังไม่บรรลุนิติภาวะ ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง พิพากษาลงโทษจำคุก25ปี3เดือน