SC - ถือ

SC - ถือ

ปรับลดประมาณการ – มรสุมยังไม่จบ

ประเด็นการลงทุน

เราแนะนำให้นักลงทุนรอจนกว่าครึ่งแรกที่ 2560 ที่กำไรชะลอตัวผ่านไป และรอให้ราคาหุ้นสะท้อนความเสี่ยงเกี่ยวกับแผนธุรกิจปี 2560 ก่อนอย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน SC ซื้อขายถูกกว่ามูลค่าทางบัญชีปี 2560 ที่ 3.7 บาท/หุ้น ดังนั้นเรามองว่าโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงนั้นมีจำกัด ทำให้เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2560 ที่ประเมินด้วย
วิธี SOTP ที่ 3.70 บาท (ลดลงจากเดิม 3.90 บาทเพื่อสะท้อนการปรับประมาณการกำไรลง) อ้างจิง PER ของธุรกิจอสังหาฯเพื่อขายที่ 7 เท่า (ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยระหว่างปี 2549-2559) และมูลค่าเช่าตามราคาปะรเมินที่ 1.1 บาท/หุ้น (ให้ส่วนลด 30%)

ปรับประมาณการกำไรลดลง

เราได้ปรับประมาณการกำไรหลักลง 4% สำหรับปี 2560-2561 เพื่อสะท้อนผลประกอบการไตรมาส 1/60 ที่ต่ำก่าคาดมาก โดยเราปรับประมาณการรายได้จากการขายอสังหาฯปี 2560 ลง 4% มาอยู่ที่ 1.35 หมื่นล้านบาท ทำให้รายได้รวมปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.44 หมื่นล้านบาท (แบ่งเป็น 83% จากรายได้การขายอสังหาฯ และ 17% จาการให้เช่า) ซึ่ง
ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 1.48 หมื่นล้านบาท โดยภาพรายได้อสังหาฯ ของปีนี้นั้นนับว่าไม่ชัดเจนนัก เนื่องจากเราคาดยอดขายรอรับรู้รายได้ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. จะคิดเป็นเพียงเพียง 37% ของเป้าหมายรายได้อสังหาฯ ของ SC และเพียง 38% ของประมาณการของเรา โดยประมาณการใหม่ของเราบ่งชี้ถึงกำไรหลักของบริษัทปรับตัวลดลง 9% ในปี 2560

กำไรในระยะสั้นไม่น่าดึงดูดนัก

เราคาดกำไรหลักชะลอตัว YoY ในไตรมาส 2/60 จากกำไรหลักไตรมาส 2/59 ที่ทำสถิติสูงสุดที่ 890 ล้านบาท เนื่องจากมีการโอนโครงการคอนโดขนาดใหญ่สองโครงการ (เซ็นทริก อารีย์ และห้วยขวาง) อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบ QoQ เราคาดจะเป็นไปตามกลุ่ม กล่าวคือ กำไร หลักไตรมาส 2/60 คาดเติบโต QoQ ได้จากฐานต่ำมากในไตรมาส 1/60
หนุนโดยยอดขายและยอดโอนโครงการแนวราบฟื้นตัวและโครงการคอนโดขนาดเล็ก (Chambers Chann, โครงการมูลค่า 930 ล้านบาท, จองแล้ว 42%) ที่เริ่มโอนในเดือน เม.ย. โดยเราคาดกำไรรายไตรมาสจะกลับมาเติบโต YoY และ QoQ ในไตรมาส 3/60 และคาดไตรมาส 4/60 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี หนุนโดยการเริ่มโอนโครงการคอนโด
Chambers Cher (มูลค่าโครงการรวม 780 ลบ จองแล้ว 28%)


ความเสี่ยงต่อแผนธุรกิจปี 2560

แม้เราประเมินว่ายอดจองซื้อไตรมาส 2/60 จะฟื้นตัว (สูงขึ้นทั้ง YoY และ QoQ) แต่ยอดจองซื้อในครึ่งแรกปี 2560 น่าจะคิดเป็นเพียงประมาณ 45% ของเป้าหมายยอดจองซื้อรวมทั้งปี 2560 ของบริษัทที่ 1.6 หมื่นล้านบาท ดังนั้นเรามองว่าเป้าหมายยอดจองซื้อเติบโตที่ 38% ของบริษัทในปีนี้น่าจะสูงเกินไป – เราคาดมีความเสี่ยงพลาดเป้าประมาณ 5%
นอกจากนี้ SC อาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายรายได้เติบโตของบริษัทที่ 3% มาอยู่ที่ 1.48 หมื่นล้านบาท ได้เนื่องจากความเสี่ยงของรายได้จากการขายอสังหาฯ ที่ดูไม่ชัดเจนนัก เนื่องจากโครงการคอนโดแล้วเสร็จ ซึ่งจะเริ่มโอนได้ จะลดลงจากมูลค่ารวม 5.7 พันล้านบาทในปี 2559 มาอยู่ที่เพียง 1.7 พันล้านบาทในปี 2560 ที่สำคัญยังเป็นเรื่องท้าทายมากที่บริษัทจำเป็นจะต้องผลักดันยอดจองซื้อโครงการแนวราบและยอดโอนแนวราบให้เติบโต 26% ในปีนี้ เพื่อให้ถึงเป้าหมายที่ 1 หมื่นล้านบาทในปี 2560 ทั้งนี้เราเห็นด้วยว่าการขยาย
ตลาดระดับล่างและกลางเพื่อจับกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่จะช่วยหนุนผลประกอบการโครงการแนวราบ อย่างไรก็ตามเรามองว่ามีความเสี่ยงด้านการเลื่อนการเปิดโครงการ เนื่องจากแผนการเปิดโครงการแนวราบกว่า 70% ของมูลค่าโครงการแนวราบเปิดใหม่ในปีนี้ หรือคิดเป็นมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท นั้น อยู่ในครึ่งหลังของปี 2560

ภาพกำไรเติบโตชัดเจนขึ้นในปี 2561

หลังจากผ่านหนทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบในปี 2560 เรามองว่ากำไรมีแนวโน้มเติบโตดีหนุน โดยแผนการเริ่มโอนโครงการคอนโดขนาดใหญ่สามแห่งต่อเนื่องในปี 2561-2562 ทั้งนี้สองโครงการ คอนโดขนาดใหญ่จะเริ่มโอนได้ในปี 2561 ได้แก่ Saladaeng One (โครงการมูลค่า 4.7 พันล้านบาท เร่ามโออนไตรมาส 2 ปี 2561) และ BEATNIQ (โครงการมูลค่า 4 พันล้านบาท เริ่มโอนในไตรมาส 3 ปี 2561) และต่อเนื่องด้วย 28 Chidlom (โครงการมูลค่า 8 พันล้านบาท) จะเริ่มโอนในปี 2562 ทำให้เราคาดรายได้จากการขายคอนโดจะกระโดดสูงขึ้นจาก 3 พันล้านบาทในปี 2560 มาอยู่ที่ 5 พันล้านบาท ในปี 2561 ดังนั้น เราจึงประเมินกำไรหลักเติบโตแข็งแกร่งที่ 15% สำหรับปี 2561 และคาดรายได้รวม
สูงขึ้น 10% มาอยู่ที่ 1.58 หมื่นล้านบาท ในปี 2561 ซึ่งจะเป็นไปตามเป้าหมายของ SC ที่มุ่งเป้าหมาย รายได้รวม 2 หมื่นล้านบาทในปี 2562