วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (25 พ.ค.60)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (25 พ.ค.60)

ราคาน้ำมันดิบปรับลดหลังตลาดกังวลเกี่ยวกับสต๊อกเบนซินที่ปรับลดน้อยกว่าคาด และผลการประชุม OPEC/Non-OPEC

- ราคาน้ำมันดิบปรับลดหลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ประกาศปริมาณน้ำมันเบนซินสิ้นสุด ณ วันที่ 19 พ.ค. ปรับลดลง 787,000 บาร์เรลน้อยกว่าที่คาดการณ์โดยนักวิเคราะห์ว่าจะปรับลดลงราว 1.2 ล้านบาร์เรล   อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ปรับลดลงราว 4.4 ล้านบาร์เรล

+/- ตลาดยังคงจับตามองผลการประชุมระหว่างกลุ่มประเทศโอเปค (OPEC) และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปค (Non-OPEC) ว่าด้วยเรื่องการขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตต่อไปอีกราว 9 เดือน โดยการประชุมจะเกิดขึ้นในวันที่ 25 พ.ค. ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย

- BMI Research ออกรายงานคาดการณ์ปรับลดกำลังการผลิตของ OPEC และ Non-OPEC เพียงช่วยพยุงในตลาดน้ำมันดิบสมดุลในปี 2560 แต่ในปี 2561 ตลาดน้ำมันดิบโลกจะกลับมาเผชิญกับสภาวะอุปทานล้นตลาดอีกครั้งหากสหรัฐ ยังคงเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบจากหินดินดาน (Shale Oil) อย่างต่อเนื่องและคาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยจะอยู่ในระดับต่ำกว่าปี 2556-2559

+/- Goldman Sachs แนะนำรูปแบบการกำหนดราคาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า (Oil Future Price Curve) เป็นแบบถดถอย (Backwardation) เพื่อป้องกันการแข่งขันกันผลิตน้ำมันดิบระหว่างกลุ่ม OPEC และสหรัฐ เนื่องจาก Backwardation จะทำให้กลุ่ม OPEC สามารถขายน้ำมันดิบอิงราคาตลาดโลกซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าราคาน้ำมันดิบจาก Shale Oil ที่อิงราคาตลาดน้ำมันดิบล่วงหน้า (Future Market) เป็นการแบ่งส่วนแบ่งทางการตลาดได้อย่างลงตัว


ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเล็กน้อย หลังได้รับแรงกดดันจากการกลับมาดำเนินการผลิตของโรงกลั่นในประเทศญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันเบนซินยังได้คงได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ยังแข็งแกร่งในภูมิภาค โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซีย

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากการผลิตที่ปรับตัวลดลงในประเทศอินเดีย อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดีเซลยังได้รับแรงกดดันจากการผลิตในประเทศญี่ปุ่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา


ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

         ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 48-53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

         ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล


ปัจจัยที่น่าจับตามอง

- จับตาประชุมของผู้ผลิตทั้งในกลุ่มโอเปคและนอกกลุ่มโอเปคในวันที่ 24 – 25 พ.ค. ว่าจะมีการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกจากเดิมหรือไม่ หลังซาอุดิอาระเบียและรัสเซียสนับสนุนให้ขยายระยะเวลาของข้อตกลงออกไปอีก 9 เดือนจนถึง มี.ค. 61 จากเดิมที่สิ้นสุดในเดือน มิ.ย. 60 เพื่อให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังส่วนเกินปรับลดลงมาสู่ระดับสมดุลที่ระดับค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปี และเพื่อให้ราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ ประเทศอื่นในกลุ่มโอเปคได้แก่ คูเวต อิหร่าน และเวเนซุเอลา ได้กล่าวสนับสนุนต่อข้อตกลงดังกล่าวเช่นกัน

- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ มีแนวโน้มปรับลดลง หลังโรงกลั่นในสหรัฐ เพิ่มกำลังการกลั่นขึ้นมาสู่สูงสุดในรอบ 5 ปีสำหรับช่วงเวลานี้ที่ร้อยละ 93.4 เพื่อรองรับความต้องการน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สิ้นสุด ณ วันที่ 12 พ.ค. 2560 ปรับลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 520.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งนับเป็นการปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน

- ตลาดยังคงกังวลกับการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จากการเปิดดำเนินการของแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara และ El Feel ส่งผลให้กำลังการผลิตของลิเบียปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 800,000 บาร์เรลต่อวัน ในช่วงสิ้นเดือน เม.ย. 60 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2557 นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตของลิเบียคาดจะปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเร็วนี้และคาดจะปรับขึ้นมาอยู่ระหว่าง 1.1 – 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน หากสามารถแก้ไขสถานการณ์ขัดแย้งภายในประเทศลงได้

------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
โทร.02-797-2999