'ผู้การเชียงใหม่'สั่งตรวจเข้ม เหตุไฟเผากุฏิวัดดังสูญ10ล้าน

เมื่อเวลา 04.00 น. (25 พ.ค.) ร.ต.อ.วงค์กช วณัชวงศ์ รอง สว.สอบสวน สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเกิดเหตุไฟไหม้กุฏิวัดไชยสถาน (พระพุทธเจดีย์ 9 ยอด) หมู่ที่ 1 ต.ป่าบง จึงประสานรถดับเพลิงในพื้นที่และใกล้เคียงจำนวน 10 คัน รุดไปช่วยเหลือ พร้อมรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ก่อนจะร่วมกับ พ.ต.อ.ไพรัช คุ้มล้วนล้อม ผกก. เจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ

ทั้งนี้ เมื่อเดินทางไปถึงพบว่าไฟกำลังลุกไหม้กุฏิไม้สักทอง 2 ชั้น ทางเจ้าหน้าที่ จึงระดมฉีดน้ำดับไฟ ใช้เวลา 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด และใช้เวลา 2 ชั่วโมง จึงสามารถดับไฟสนิท ต่อมา จึงเข้าไปตรวจสอบพบว่ากุฏิถูกไฟไหม้ ประมาณ 70 % ทรัพย์สิน ต่างๆ อาทิเช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ พระเครื่อง ถูกไฟเผาไหม้ คาดว่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

จากการสอบสวนในเบื้องต้น ได้มีพระลูกวัดเห็นกลุ่มควันขนาดใหญ่ออกมาจากกุฏิจึงรีบไปอุ้มหลวงปู่พระครูวรวรรณภรณ์ หรือหลวงปู่ครูบาอิ่นคำ อายุ 90 ปี เกจิชื่อดัง เจ้าอาวาสวัดไชยสถาน ลงมาจากกุฏิอย่างปลอดภัย และพระเณร ชาวบ้านได้ช่วยกันดับไฟพร้อมกับแจ้งรถดับเพลิง กับตำรวจมาช่วยเหลือจนสามารถควบคุมเพลิงและดับไฟได้สนิทเมื่อตอนเช้านี้ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

สำหรับสาเหตุของการเกิดไฟไหม้ในครั้งนี้ยังไม่สามารถที่จะระบุสาเหตุได้ต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ เข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ต่อมา เมื่อเวลา 08.30 น. พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ. ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.ไพรัช คุ้มล้วนล้อม ผกก.สภ.สารภี ได้เดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุ สอบถามถึงเหตุการณ์ไฟไหม้กับเจ้าคุณพระมงคลสิริ อินทวณฺโณ หรือครูบาอินทร์คำ เจ้าอาวาสวัดไชยสถาน (พระพุทธเจดีย์ 9 ยอด ) ต.ป่าบง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ซึ่งเจ้าอาวาสไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ได้สำลักควันไฟเล็กน้อย เท่านั้น

ครูบาอินทร์คำ เล่าเหตุการณ์ ให้ฟังว่า ขณะที่กำลังจำวัดอยู่บนกุฏิที่ถูกไฟไหม้ ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตู จึงลุกไปเปิดประตูกลับพบควันไฟและเปลวไฟพุ่งเข้ามา ในห้องนอน ประมาณ 5 นาที ลูกศิษย์ ได้ฝ่ากองไฟมาอุ้มลงจากกุฏิ หลังจากนั้นไฟก็ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว จนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาดับไฟดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ทาง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้สั่งการให้กันพื้นที่ไว้ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปรอให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุของการเกิดไฟไหม้และให้ฝ่ายโยธามาตรวจสอบโครงสร้างของอาคารกุฏิที่เกิดเหตุว่ายังมีภาพยังใช้งานได้หรือไม่