ข้ามต้มมัดไส้ทุเรียน สกว.ส่งทดสอบตลาดจีน

ข้ามต้มมัดไส้ทุเรียน สกว.ส่งทดสอบตลาดจีน

สกว.นำผลิตภัณฑ์จากงานวิจัยในชุดโครงการ Innovative House ร่วมแสดงสินค้าด้านอาหารและเครื่องดื่มระดับโลกที่นครเซี่ยงไฮ้ มีทั้งข้าวต้มมัดไส้ทุเรียน ข้าวต้มมัดไส้เผือก แผ่นชาละลายน้ำ ทองม้วนสอดไส้ช็อกโกแลตขาวผสมกลิ่นรสทุเรียน ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ

สกว.นำผลิตภัณฑ์จากงานวิจัยร่วมแสดงสินค้าด้านอาหารและเครื่องดื่มระดับโลกที่นครเซี่ยงไฮ้ หวังสร้างโอกาสทางการตลาดแก่ผู้ประกอบการให้มีช่องทางจำหน่ายทั้งในและนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมศึกษาดูงานการพัฒนานวัตกรรมของต่างชาติ เลขาธิการหอการค้าไทยในจีนแนะจดเครื่องหมายการค้าเพื่อป้องกันการเลียนแบบ ขณะที่กงสุลชี้ช่องทางเปิดตลาดใหม่ผ่านเว็บชื่อดัง

รศ.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เปิดเผยว่า สำนักประสานงานชุดโครงการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Innovative House ได้รับเชิญจากหอการค้าฝรั่งเศส-ไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่สุดในเอเชีย “SIAL CHINA 2017” ณ มหานครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 16-20 พฤษภาคม 2560 โดยงานดังกล่าวถือเป็นงานที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก จัดขึ้นมากว่า 17 ปี มีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 80,000 คน จาก 67 ประเทศทั่วโลก สกว.จึงเชิญชวนผู้ประกอบการที่มีความพร้อมและต้องการส่งออกสินค้าไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน นำผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทำวิจัยร่วมกับชุดโครงการไปทดลองตลาดดังกล่าว และทดสอบตลาดให้ผลิตภัณฑ์ที่กำลังพัฒนากับตลาดเป้าหมาย หากตลาดยังไม่ตอบรับจะได้ปรับปรุงแก้ไขผลิตภัณฑ์ก่อนสิ้นสุดโครงการ รวมถึงการแสวงหาและศึกษาแนวโน้มการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อนำมาแนะนำผู้ประกอบการของไทย

ผู้ประกอบการที่นำผลิตภัณฑ์มาร่วมจำหน่ายและทดลองตลาดในครั้งนี้มีจำนวน 5 บริษัท เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาเสร็จแล้ว 3 ผลิตภัณฑ์ และอยู่ระหว่างกระบวนการวิจัยและพัฒนา 2 ผลิตภัณฑ์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของชุดโครงการฯ ไปร่วมแสดงด้วย เพื่อทดลองตลาดกับกลุ่มผู้บริโภคต่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์อาหารไทยให้กับต่างชาติรู้จัก เนื่องจากการออกแสดงสินค้าในหลาย ๆ ครั้ง พบว่าบางผลิตภัณฑ์ผู้บริโภคต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนซึ่งเป็นประชากรที่มีกำลังซื้อสูงยังไม่รู้จัก ทำให้ต้องมีการแนะนำผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง และนำข้อมูลมาปรับปรุงให้สามารถตอบสนองต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป นอกจากนี้ยังมีเวทีจับคู่ผู้ประกอบการกับตัวแทนจำหน่ายเพื่อสร้างโอกาสในการส่งออกสินค้า

ในงานนี้ผู้ประกอบการไทยจะได้เห็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านอาหารระดับโลก ซึ่งในงานจะแบ่งโซนแสดงสินค้าออกเป็นกลุ่ม ๆ เช่น ส่วนผสมของอาหาร ผลิตภัณฑ์ออแกนิก ผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพสำหรับเด็ก เป็นต้น

"สกว.คาดหวังว่าการเดินทางมาร่วมงานครั้งนี้จะช่วยยกระดับจีดีพีของประเทศด้วยการสร้างนวัตกรรมภายใต้เอสเอ็มอี และเพิ่มมูลค่าการส่งออกเอสเอ็มอีให้กับประเทศ รวมถึงการสร้างสินค้าที่มีนวัตกรรมตามนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยเราพยายามจะสร้างโอกาสทางการตลาดให้ผู้ประกอบการได้เจอตัวแทนจำหน่ายของประเทศต่าง ๆ ที่มาร่วมงาน ThaiFex และงานแสดงสินค้าของต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้เริ่มจับกระแสได้ว่าตลาดไหนชอบอะไร แต่งานจะต้องมีนวัตกรรมเข้ามาเสริมโดยใช้วัตถุดิบซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดมาเพิ่มมูลค่าการส่งออก ทั้งนี้การที่ผู้ประกอบการแต่ละรายจะติดต่อมาออกบูธในงานระดับนานาชาติเองไม่ใช่เรื่องง่าย สกว.จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการช่วยเหลือติดต่อให้ผู้ประกอบการได้ออกงานในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และช่วยเจรจาต่อรองทางการค้า รวมถึงร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อการส่งออกตามที่ผู้ประกอบการต้องการ" รศ.พงศ์พันธ์กล่าว

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่นำมาร่วมแสดงในงานประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ข้าวต้มมัดไส้ทุเรียนสเตอริไรส์ละข้าวต้มมัดไส้เผือกสเตอริไรส์บรรจุถุงรีทอร์ทเพาช์ โดยบริษัท โรสอารยา จำกัด ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มอัดก๊าซที่ใช้น้ำตาลมะพร้าวเป็นสารให้ความหวานและเครื่องดื่มอัดก๊าซที่มีส่วนผสมของน้ำเชื่อมจากกล้วยตาก โดยบริษัท เก้ากรเทรด จำกัด ผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรออแกนิกเพื่อสุขภาพบรรจุซองพร้อมชง “เรวดี” โดยบริษัท โกลเด้นเรย์ จำกัด ซึ่งสร้างความแตกต่างให้กับผู้บริโภคชาด้วยการพัฒนาชาใบหม่อนร่วมกับสมุนไพรไทยชนิดอื่น ๆ ในรูปของ “แผ่นชาละลายง่ายในน้ำ” ที่มีจุดเด่น คือ เป็นแผ่นฟิล์มชาละลายง่ายในน้ำที่คงกลิ่น รส สี และความหอมของชา พกพาสะดวก และมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม โรงแรม ซุปเปอร์มาร์เก็ตระดับพรีเมียม นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ผู้บริโภคที่ชื่นชอบเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และผู้รักสุขภาพทั่วไป นอกจากนี้ยังส่งออกไปจำหน่ายในประเทศตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย อังกฤษ ลาว กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา ขณะนี้กำลังเจรจาผ่านตัวแทนจำหน่ายเพื่อขยายธุรกิจในประเทศบรูไน รวมถึงเจรจากับฟู้ดแลนด์ และคิง พาวเวอร์ เพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วย

ส่วนผลิตภัณฑ์ที่อยู่ระหว่างการทดลองตลาด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ทองม้วนสอดไส้ช็อกโกแลตขาวผสมกลิ่นรสทุเรียน ของวิสาหกิจชุมชนแก้วเจ้าจอม ที่มีจุดเด่นคือการสอดไส้ช็อกโกแลตกลิ่นรสทุเรียนกับความกรอบของทองม้วนให้เข้ากันและคงความกรอบของทองม้วนไว้ได้นาน ขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ Wel-B (เวล-บี) ที่มีวัตถุดิบหลักคือ ถั่วเหลือง งาดำ ฟักทอง แครอท และกล้วยน้ำว้า รวม 4 สูตร ได้แก่ บำรุงสมองและความจำ บำรุงสายตา ป้องกันโรคเบาหวานและมะเร็ง บำรุงหลอดเลือดและหัวใจ มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ ผู้สูงอายุ ผู้มีปัญหาสุขภาพ และผู้รักสุขภาพทั่วไป โดยขนมดังกล่าวใช้การทำแห้งแบบแช่เยือกแข็งเป็นเทคโนโลยีหลัก โดยที่ยังคงรักษาจุดเด่นให้มีรสชาติอร่อย ปราศจากน้ำมัน และสารปรุงแต่ง คงคุณค่าทางอาหารไว้อย่างเต็มที่ คัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพและปลอดภัยต่อผู้บริโภค เพื่อให้เป็นขนมที่ประกอบด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถป้องกันหรือลดความเสี่ยงต่อโรคเฉพาะทางได้

ตลอดระยะเวลาของการจัดงานปรากฏว่าผลิตภัณฑ์จาก สกว. ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการและตัวแทนจำหน่ายเป็นอย่างดี โดยชาเรวดีมียอดจำหน่ายและการเจรจาธุรกิจค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ โดยจุดแรกที่คนให้ความสนใจคือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สวยงามน่าดึงดูด โดยสูตรชาที่จำหน่ายได้มากที่สุด คือ ชากุหลาบ เพราะใกล้เคียงกับชาของจีนมากที่สุด ขณะที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจชาลาเวนเดอร์ซึ่งช่วยในการผ่อนคลายและนอนหลับง่ายขึ้น ส่วนผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวอบแห้ง Wel-B มีผู้สนใจติดต่อธุรกิจด้วยเกือบ 50 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจจีน นอกจากนี้ยังมีสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์และฮ่องกง สินค้าที่นิยมมากที่สุดคือ ขนมอบแห้งรสทุเรียนและสตรอว์เบอร์รีซึ่งมีรสชาติอร่อย บรรจุภัณฑ์แบบซองขนาดเล็กสะดวกต่อการพกพาและรับประทานง่าย เช่นเดียวกับทองม้วนและข้าวต้มมัดไส้ทุเรียนที่ได้รับความนิยมจากชาวจีนที่ชื่นชอบผลไม้ชนิดนี้เป็นอย่างมาก ขณะที่เครื่องดื่มอัดก๊าซมีรสชาติแปลกใหม่เป็นที่สนใจเฉพาะกลุ่ม

ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร เลขาธิการหอการค้าไทยในจีน กล่าวระหว่างการเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการไทยรวมถึง สกว. ว่ารู้สึกชื่นชมการวิจัยและพัฒนาตลอดจนการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามกว่าผลิตภัณฑ์ในตลาดส่งออกปัจจุบัน นับว่า สกว.มาถูกทางแล้ว จึงอยากให้กำลังใจในการทำงานต่อไป อย่างไรก็ตามอยากให้ สกว.ศึกษาทิศทางการพัฒนาของประเทศต่าง ๆ เพื่อนำมาปรับใช้กับสินค้าไทย และเพิ่มการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศให้กับผู้ประกอบการนอกเหนือจากการจดสิทธิบัตร เพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบสินค้า รวมถึงต้องมีตัวอย่างให้ชิมเพื่อทดสอบรสชาติ ความพึงพอใจต่าง ๆ ให้ชาวจีนได้เรียนรู้ผลิตภัณฑ์เนื่องจากเป็นของใหม่สำหรับตลาดต่างประเทศ โดยจะต้องสอบถามให้ได้ข้อมูลที่แท้จริงจากผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ที่สำคัญต้องตั้งราคาให้สามารถจำหน่ายได้จริง ทั้งนี้อยากให้ สกว.ขยายกรอบโครงการให้กว้างขึ้นซึ่งตนยินดีให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการและทีมงาน สกว. ในการฝึกอบรมและการทำตลาดในประเทศจีนด้วย

เช่นเดียวกับ น.ส.บุณิกา แจ่มใส กงสุลพาณิชย์ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ที่ให้คำแนะนำหลังจากทดลองชิมผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย สกว. ว่าผลิตภัณฑ์ของไทยจะต้องเร่งจดเครื่องหมายการค้า รวมถึงลงทุนสร้างแบรนด์และประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักผ่านการประชาสัมพันธ์ เช่น เว็บอี้เฮ้าเตี้ยนซึ่งเป็นตลาดออนไลน์ที่โด่งดังที่สุดในเซี่ยงไฮ้ หรือผ่านบริษัทตัวแทนนำเข้าของไทยที่ได้รับการยอมรับในจีน แต่ในระยะยาวคงต้องจัดตั้งบริษัทของตัวเองให้เข้มแข็ง นอกจากนี้ควรจะต้องดึงจุดเด่นที่จีนไม่มี รสชาติไม่หวานมากเพราะคนจีนไม่ชอบหวาน และต้องวางตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ เพราะคนที่เซี่ยงไฮ้มีฐานะค่อนข้างดี บรรจุภัณฑ์ก็ต้องมีความสวยงาม แม้จีนจะมีของนำเข้าจำนวนมากแต่ก็ยังมีช่องว่าง ต้องสร้างรูปแบบการจำหน่ายทั้งในห้างสรรพสินค้าหรือตลาดออนไลน์

“ปัจจุบันตลาดอาหารและเครื่องดื่มของไทยมีศักยภาพสูงมาก ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคชาวจีนซึ่งมีรสนิยมและชื่นชอบอาหารไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเนื่องจากมีวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน นอกจากรสชาติดีแล้วยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ผลไม้ไทยที่นำเข้ามาในตลาดจีนมีทั้งของสดและแปรรูป โดยทุเรียนเป็นที่นิยมมากที่สุด รองลงมาคือมะพร้าวซึ่งมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก สำหรับกระแสในอนาคตนั้นนครเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองใหญ่จึงเน้นเรื่องคุณภาพเป็นอันดับแรก ขณะที่ราคาก็ต้องสามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้”