ผู้การฯโคราชสั่งเข้มทุกสภ. เฝ้าระวังโรงแรมค้าประเวณีเด็ก

ผู้การฯโคราชสั่งเข้มทุกสภ. เฝ้าระวังโรงแรมค้าประเวณีเด็ก

คืบหน้า จับค้าประเวณีเด็ก 14 ปี ผู้การโคราชสั่งทุกโรงพัก ตรวจสอบโรงแรมทุกแห่ง ป้องกันลักลอบค้ามนุษย์ ลั่นถ้าเจอตำรวจเข้าไปเอี่ยว พร้อมเอาผิดทั้งทางกฎหมายและวินัยร้ายแรง

จากคดีที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ได้ร่วมกับมูลนิธิปวีณา หงสกุล ทำการช่วยเหลือเด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งถูกผู้ใช้เฟชบุ๊คชักชวนไปขายบริการทางเพศ ในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา จนกระทั่งได้สืบสวนพบว่า ผู้ต้องสงสัยที่ใช้ชื่อในเฟชบุ๊คว่า Amara Bee ได้เปิดห้องพักในโรงแรมชัยพฤกษ์ แกรนด์ โฮเทล ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อเข้าไปตรวจค้นพบว่ามีเด็กหญิงอายุประมาณ 14-16 ปี อยู่ในห้องจำนวน 6 คน ซึ่งมี น้องบี อายุ 15 ปี เป็นผู้จัดหาเด็กหญิงเหล่านี้ส่งให้กับลูกค้าที่มาซื้อบริการทางเพศ โดยมีค่าบริการครั้งละ 1,200 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาคือน้องบี และอยู่ระหว่างการขยายผลนั้น

ล่าสุด บ่ายวันนี้ (24 พ.ค. 60) พล.ต.ต.สุภากรณ์ คำสิงห์นอก ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ในเรื่องนี้ทางตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ทำหนังสื่อสั่งการด่วนไปยังทุก สภ.ในพื้นที่ 32 อำเภอ เพื่อให้เข้าไปตรวจโรงแรม ที่พักต่างๆ ในพื้นที่กำกับดูแล เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นนโยบายที่ตนกำชับไว้อย่างเข้มงวดว่าจะต้องไม่ให้เกิดขึ้นในพื้นที่เด็ดขาด ส่วนคดีนี้ก็ได้เร่งขยายผลเพื่อดำเนินการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขณะเดียวกันก็ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงแรมต่างๆ ให้ตรวจสอบผู้ที่เข้าไปเปิดห้องพัก ซึ่งมีกฎหมายกำกับอยู่แล้วว่าต้องมีอายุเกินเท่าไหร่ ไม่ใช่เปิดให้เด็กๆ อายุ 14-15 ปี ไปเปิดใช้บริการเช่นนี้ หากตรวจพบว่ากระทำผิดกฎหมายก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุด หรือการสั่งปิดสถานประกอบการได้ด้วย ถึงอย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบในคดีนี้พบว่าเด็กๆ เหล่านี้ไม่ได้ไปเปิดห้องพักเอง แต่เป็นคนที่มีอายุเกินกฎหมายห้ามไปเปิดห้องพักให้ตามปกติ ดังนั้นเมื่อตำรวจเข้าไปตรวจสอบจึงไม่มีอะไรผิดสังเกต

ส่วนแนวทางการสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำความผิดในขบวนการค้ามนุษย์นั้น ทางตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ก็ได้มีการประสานกับ ปคม.อย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็เป็นเรื่องยาก เพราะปัจจุบันผู้กระทำความผิดได้มีการใช้หลายช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ ดังนั้นจึงต้องอาศัยเทคโนโลยีในการเจาะข้อมูลขั้นสูง เพื่อให้ได้ข่าวเหล่านี้มา แต่สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือประชาชนทั่วไป หรือผู้ปกครองของเยาวชน ที่จะช่วยแจ้งเบาะแสเข้ามาให้ทราบ ส่วนเรื่องจำนวนขบวนการค้ามนุษย์ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมานั้น ยังไม่ขอเปิดเผยเพราะว่าเป็นเรื่องของแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ แต่ถ้าการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีข้าราชการตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ตนก็จะต้องเอาผิดทั้งทางวินัยร้ายแรง และดำเนินคดีทางกฎหมายถึงที่สุดไม่มียกเว้นแน่นอน