'รมว.ยุติธรรม' ยันไม่ขัดแย้ง 'ชาญเชาวน์'

'รมว.ยุติธรรม' ยันไม่ขัดแย้ง 'ชาญเชาวน์'

"รมว.ยุติธรรม" ยันไม่ได้ปลด "ชาญเชาวน์" กลางอากาศ เผยพูดคุยเรื่องนี้ก่อนบินไปราชการต่างประเทศแล้ว ย้ำ "วิษณุ" ต้องการได้ตัวไปช่วยงาน

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี การโยกย้ายตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมให้นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน มารับตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม แทนนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ที่ให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษ สำนักนายกรัฐมนตรีว่า การย้ายครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการ ปลดกลางอากาศ ตนได้พูดคุยและแจ้งประเด็นนี้กับนายชาญเชาวน์ก่อนที่จะเดินทางไปราชการต่างประเทศ และนายชาญเชาวน์ก็รับทราบในประเด็นนี้ดีแล้ว รวมถึงกระทรวงยุติธรรม ก็ได้พูดคุยหารือกับสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีเป้าหมายที่ต้องการทำร่วมกันใน 4 เรื่อง คือ การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม, การปฏิรูปกฎหมาย, การปฎิรูปหน่วยงานตำรวจ และการขับเคลื่อนการอำนวยความยุติธรรมสู่ประชาชน ทั้งสองหน่วยงานเห็นตรงกัน

ทั้งนี้ สำนักนายกรัฐมนตรี ต้องการนายชาญเชาวน์ เข้าไปร่วมในการขับเคลื่อนใน 3 ประเด็นแรก เพราะนายชาญเชาวน์เป็นที่มีความรู้ครามสามารถ จึงนำมาซึ่งการสับเปลี่ยนตำแหน่งในครั้งนี้ ซึ่งนายชาญเชาวน์ก็เข้าใจ และยินดีเข้าไปช่วยงาน

"ยืนยันว่าไม่มีมีความขัดแย้ง ไม่มีปัญหา ทุกคนเข้าใจกันดี ส่วนกระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่กระทรวงยุติธรรมถังแตก ต้องเลิกจ้างลูกจ้างชั่วคราวและลูกจ้างเหมาบริการ 2,000 อัตรา กระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลซึ่งอาจเป็นประเด็นที่นำมาสู่การโยกย้าย ตรงนั้นเป็นปัญหาเรื่องการบริหารจัดการที่เราสามารถจัดการได้อยู่แล้ว ประเด็นคือทำยังไงให้ขับเคลื่อนงานของกระทรวงได้" นายสุวพันธุ์ กล่าว

ส่วนการปฎิรูปตำรวจ ที่ให้เข้ามาอยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมนั้น นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า วานนี้(24 พ.ค.) นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไปตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ ในการทำงานเรื่องนี้เพียงชุดเดียว โดยจะนำความเห็นจากสภานิติบัญญัติ และขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ไปประกอบการพิจารณา ซึ่งนายชาญเชาวน์เข้าไปเป็นคณะทำงานในเรื่องนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้สังคงมีความเห็นที่หลากหลายจากหลายภาคส่วน รวมถึงข้อเสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาสังกัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งก็เป็นข้อเสนอที่เกิดขึ้นใหม่ของสปท. โดยกระทรวงยุติธรรมจะศึกษาปัญหา และความเป็นไปได้จากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำผลการศึกษาไปเสนอต่อคณะกรรมการชุดนี้ ส่วนการตัดสินใจจะออกมาในรูปแบบไหน คงไม่ใช่ขึ้นอยู่กับกระทรวงฯต้องให้คณะกรรมการพิจารณาเห็นชอบในท้ายที่สุด