MORNING CALL ACTION NOTES (24 พ.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (24 พ.ค.60)

เลือกเล่นรายตัว

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นตามแรงซื้อกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นต่อเนื่องตอบรับความคาดหวังกลุ่มโอเปกจะยืดเวลาลดกำลังการผลิตออกไปจนถึง Q1/2018 หนุนให้ SET ปิดที่ 1,564.69 จุด (+6.96 จุด) ด้วย Volume 4.1 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +1,718 ลบ. TFEX Net +968 สัญญา ตราสารหนี้ +1,157 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ ตลาดหุ้น DJ ดีดตัวขึ้น หลังรัฐบาลทรัมป์ยื่นเสนองบประมาณปี 2018 วงเงิน 4.1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรส ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัว 3% ต่อปี แม้ว่าตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย.ร่วงลง 11.4% MoM สู่ 569,000 ยูนิต

+ ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นต่อเนื่องล่าสุด 51.5 US/Barrel จากคาดการณ์กลุ่มโอเปกจะยืดเวลาการปรับลดการผลิตน้ำมันออกไปถึง Q1/2018

+/- Fund Flow ต่างชาติผันผวนล่าสุดพลิกเป็น Net Buy 2 วันราว 1.9 พันลบ. รวมถึงเงินบาทแข็งค่าล่าสุด 34.4 Bath/USD

-  ฟิลิปปินส์ประกาศกฎอัยการศึกในจังหวัดมินดาเนา 60 วัน หลังเกิดการปะทะกันระหว่างกองกำลังความมั่นคงกับกลุ่มไอเอสในเมืองมาราวี

-  นายกฯอังกฤษประกาศยกระดับเฝ้าระวังภัยก่อการร้ายขั้นสูงสุด หลังเกิดเหตุโจมตีแมนเชสเตอร์

** 24 พ.ค. การประชุมกนง. (คาดคงดอกเบี้ย R/P ที่ 1.5%)

** 25 พ.ค. ติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกคาดยืดเวลาลดกำลังการผลิตออกไปจนถึง Q1/2018 / รายงานการประชุม FED ประจำเดือนพ.ค.

ตลาดหุ้นไทยยังคงได้ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น จากคาดการณ์ว่าการประชุมกลุ่มโอเปกวันที่ 25 พ.ค.จะยืดเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปถึง Q1/2018 อย่างไรก็ตามกระแสความไม่สงบในต่างประเทศจะส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติผันผวน ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,560 – 1,575 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- AMATA ROJNA WHA คสช.ใช้มาตรา 44 ปลดล็อก EEC ให้อำนาจนายกฯอนุมัติโครงการร่วมทุนได้ทันทีไม่ต้องรอขั้นตอน 8-9 เดือน

- กลุ่มพลังงาน ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นและเก็งผลการประชุมโอเปก 25 พ.ค.

- BANPU ราคาถ่านหินรีบาวด์ขึ้นล่าสุด 75 US/Ton

- LST VPO ราคาปาล์ม + 13% MoM ล่าสุด 669 USD/Ton

- STA TRUBB ราคายางพาราขึ้นสูงสุดรอบ 2 เดือน ล่าสุด 323 Yen/Kg

- PDI ราคาสังกะสีขึ้นทำ High รอบ 1 เดือน ล่าสุด 2,644 US/Ton

- MSCI Thailand เพิ่มน้ำหนัก PTT PTTGC BEM ส่วน MSCI Small Cap เพิ่ม BCPG BIG FORTH PTL THANI เข้าคำนวณ มีผลตั้งแต่ 31 พ.ค.


หุ้นแนะนำพิเศษ

ORI Analyst Meeting (ราคาปิด 12.30 บาท ราคาเหมาะสม 12.75 บาท)

- ประกาศดีลซื้อกิจการบจ.พราวด์ เรสซิเดนซ์ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุน PP มูลค่า 1,000 ลบ. ในการเข้ามาถือหุ้น ORI 5% ทั้งนี้ บริษัทจะชำระค่าหุ้น 4,000 ล้านบาทด้วยเงินทุนจากการดำเนินงานจำนวน 1,000 ล้านบาท และจากการออกตั๋วสัญญาใช้เงินอีก 3,000 ล้านบาท ดีลนี้ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผถห.วันที่ 12 ก.ค.

- บจ.พราวด์ เรสซิเดนซ์ เป็นเจ้าของโครงการคอนโดมิเนียมหรูในซอยสุขุมวิท 24 ชื่อ “The Park 24” มูลค่าโครงการราว 1.7 หมื่นลบ. ซึ่งแบ่งเป็น 2 เฟส เฟสแรกมี backlog 4.5 พันลบ. จากที่ขายแล้ว 74% จะเริ่มโอนราวเดือนก.ค. – ส.ค. 60 เฟส 2 มี backlog 6.3 พันลบ. ขายได้แล้ว 57% เริ่มโอนปี 61 ปัจจุบันราคาขายเฉลี่ย 280,000 บาทต่อตรม. GP ราว 40% ดีลนี้ ORI ได้ประโยชน์ในการขยายกลุ่มลูกค้ามาสู่ระดับบนได้ทันที

- 1Q60 มีกำไร 172 ลบ. +95%YoY -46%QoQ ส่วนผลประกอบการปี 60 มีแนวโน้มเติบโตสูงจากปี 59 ที่มีรายได้ขาย 3.2 พันลบ.และกำไรสุทธิ 640 ลบ. +57% +65% ตามลำดับ โดยปีนี้มีเป้ารายได้ 6,000 ลบ. +88%YoY (มี backlog รองรับ 77%) และคาดการณ์ยอดโอนจาก Park24 เฟส 1 อีก 3,000 ลบ.(มี backlog 4,500 ลบ.) รวมเป็น 9,000 ลบ. บนสมมติฐาน NP 15% (NP ปี 59 = 20%) คาดกำไรปี 60 ราว 1,350 ลบ. +111%YoY คาด EPS weighted 0.85 บาท หากกำหนด Prospect PER ราว 15x (เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 18x) ได้ราคาเหมาะสมราว 12.75 บาท (ปัจจัยเสี่ยง หากรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายของผู้บริหาร)


หุ้นมีข่าว

- LHBANK (ราคาปิด 1.74 ซื้อเก็งกำไร ราคาเหมาะสม 2.20 บาท) จะเพิ่มทุน 7.54 พันล้านหุ้น ขาย CTBC หุ้นละ 2.20 บาท เข้าถือหุ้น 35.617% ตามแผน กำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้น 12 ก.ค. XM 5 มิ.ย.

  ความเห็น : เป็นการเดินหน้าตามแผนตั้งแต่ปี 59 หลังทางการอนุมัติให้สามารถทำรายการได้ เราประเมินว่ากำไรปี 60 มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องจากปี 59 ที่เติบโต 63% ตามการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียมที่ยังมีแนวโน้มเติบโตสูงจากธุรกิจจัดการลงทุนโดยยังไม่ได้รวมผลจากการควบรวมกิจการกับ CTBC คาดการณ์กำไรปี 60 ราว 2.9 พันล้านบาทเติบโต 10% จากปี 59 แต่จำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นราว 55% ทำให้คาด EPS growth ลดลง 29%

- PTTGC (ราคาปิด 72.75 Bloomberg Consensus 79.55) ลุ้นรับรู้กำไรทันที หลังการโอนธุรกิจปิโตรเคมีจาก PTT ที่คาดแล้วเสร็จในไตรมาส 3/60 เผยในไตรมาส 1/60 ทั้ง 6 บริษัททำกำไรรวมราว 1 พันล้านบาท แถมโครงการ MAX เริ่มทำกำไรคาดปีนี้รับทรัพย์ 3.2 พันล้านบาท เชื่อหนุนผลงานทั้งปีวิ่งฉิว รายได้เข้าเป้าโตเพิ่ม 26% จากปีก่อนหน้า หรือขยับเป็น 4.4 แสนล้านบาท (ที่มาทันหุ้น)

- GPSC (ราคาปิด 34.5 Bloomberg Consensus 38.70) เร่งก่อสร้างโรงไฟฟ้า 3 แห่งใหม่ กำลังผลิตรวม 377 เมกะวัตต์ หวัง COD ได้ทันภายในปี 2560 ชี้หากลุล่วงดันรายได้พุ่ง พร้อมปรับกลยุทธ์หันรุกเติบโตควบคู่กลุ่ม PTT-เปิดช่องลงทุนต่างแดน-ลุยพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน ปูทางสร้างการเติบโตในระยะยาว (ที่มาทันหุ้น)

- PTTEP (ราคาปิด 94.25 Bloomberg Consensus 103.2) มั่นใจรักษา EBITDA Margin ที่ 70% ตั้งเป้าลุยซื้อกิจการในมาเลเซีย เมียนมา และไทย คาดชัดเจนปีนี้อย่างน้อย 1 ราย แย้มอยู่ระหว่างเจรจาเชฟรอนร่วมประมูลเอราวัณ คาดปิดดีลก่อนเดือนกันยายนนี้ ย้ำพร้อมประมูลเองหากเจรจาล้มเหลว (ที่มาทันหุ้น)

- LPN (ราคาปิด 10.80 Bloomberg Consensus 11.61) ซื้อที่ดินย่านงามวงศ์วาน 309 ลบ.ใช้พัฒนาคอนโดฯ มูลค่า 900 ลบ.เริ่มขาย Q2/60 และซื้อที่ดินพหลโยธิน 775.20 ลบ.พัฒนาคอนโดฯ มูลค่า 2 พันลบ.เริ่มขาย Q1/61

- ICHI (ราคาปิด 8.95 Bloomberg Consensus 7.63) เปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลัง"T247"วางตลาด มิ.ย.เป้ายอดขายปีนี้ 700 ลบ.หวังชิงมาร์เก็ตแชร์ 10% ใน 5 ปีผู้ประกอบการดิจิตอลทีวี 20 รายจ่ายเงินงวด 4 กับ กสทช.แล้วรวม 5,179.014 ลบ.

- GGC การันตีไตรมาส 2 รายได้โตแกร่ง ขานรับรัฐปรับสัดส่วนไบโอดีเซลเป็น B7 ดันผลงานทั้งปีแจ่ม! เดินเครื่องโรงงานผลิตไบโอดีเซลเต็ม 100% แถมรับผลบวกสเปรดแฟตตี้แอลกอฮอล์พุ่ง (ที่มาข่าวหุ้น)

- องค์การทหารผ่านศึก คัด 21 บ.ร่วมชิงโซลาร์ฟาร์มราชการฯ BCPG-RATCH-GUNKUL-SUPER เข้าวิน

- บอร์ด VTE ไฟเขียวเพิ่มทุน 249.17 ล้านหุ้น ขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) อัตราส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 3 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 2.19 บาท เพื่อนำเงินลุยธุรกิจพลังงาน-ขยายธุรกิจก่อสร้างเต็มสูบ

- PTTOR มีแนวโน้มเลื่อนขายหุ้น IPO ไปเป็นปี 2562 จากเดิมคาดว่าจะIPO ในปี 2561 เนื่องจากต้องพิจารณาเรื่องการแยกสินทรัพย์ทุกๆรายการให้รอบคอบ โดยเฉพาะต้องดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมทุนกับรัฐ(PPP) ที่ต้องมีความชัดเจนทุกขั้นตอน


ตลาดหุ้นดาวโจนส์ +43.08 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,937.91 จุด เพิ่มขึ้น 43.08 จุด หรือ +0.21% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,398.42 จุด เพิ่มขึ้น 4.40 จุด หรือ +0.18% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,138.71 จุด เพิ่มขึ้น 5.09 จุด หรือ +0.08% หลังจากรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ยื่นเสนองบประมาณประจำปี 2018 วงเงิน 4.1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยคาดว่างบประมาณดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการขยายตัว 3% ต่อปี อย่างไรก็ตาม แรงบวกในตลาดได้ถูกสกัดในระหว่างวัน เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐ และจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนพ.ค.ในวันนี้

ตลาดน้ำมัน NYMEX +0.34 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 34 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 51.47 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความหวังที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก จะร่วมมือกันขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน ในการประชุมวันที่ 25 พ.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีแผนขายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน