ราคาน้ำมันปิดบวกเล็กน้อย

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าตลาดสหรัฐ  ปิดตลาดวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผยงบประมาณประจำปี 2561 ที่จะมีการปรับลดการใช้จ่ายของรัฐบาล และลดการขาดดุลงบประมาณ พร้อมทั้งประกาศแผนขายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (เอสพีอาร์) ออกครึ่งหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน และบั่นทอนความพยายามของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อลดปริมาณน้ำมันในตลาด

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาดไนเม็กซ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.84% ปิดตลาดที่ 51.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้น 0.72% ปิดตลาดที่ราคา 54.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทั้งนี้ ร่างแผนงบประมาณประจำปี 2561 ที่ทำเนียบขาวเปิดเผยระบุว่า ปธน.ทรัมป์เสนอให้รัฐบาลสหรัฐทำการขายน้ำมันเอสพีอาร์ ออกครึ่งหนึ่งในช่วงปี 2561-2570 เพื่อให้รัฐบาลมีรายได้ 1.65 หมื่นล้านดอลลาร์ ตั้งแต่เดือนต.ค.2561 และแผนงบประมาณดังกล่าว ยังได้เสนอให้มีการขุดเจาะ และผลิตน้ำมันมากขึ้นในอลาสกา เพื่อนำรายได้เข้าสู่งบประมาณของประเทศ

เอสพีอาร์ เป็นคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีปริมาณน้ำมันอยู่ราว 688 ล้านบาร์เรล ซึ่งเพียงพอสำหรับความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกเป็นเวลา 1 สัปดาห์

นายออยสไตน์ เบเรนท์เซน กรรมการผู้จัดการของบริษัทสตรอง ปิโตรเลียม กล่าวว่า แผนของปธน.ทรัมป์สร้างความประหลาดใจ และจะกระทบต่อความพยายามลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก การขายน้ำมันเอสพีอาร์ ออกครึ่งหนึ่งในช่วงเวลา 10 ปีดังกล่าว จะมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 95,000 บาร์เรล/วัน และจะส่งผลกระทบต่อตลาดในระยะยาว

นอกจากนี้  การระบายน้ำมันเอสพีอาร์ จะทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดเพิ่มขึ้น และส่งผลให้การผลิตน้ำมันของสหรัฐเพิ่มสู่ระดับ 9.3 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งใกล้เคียงกับระดับการผลิตน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย และรัสเซีย