'แม่ทัพฯอภิรัชต์' ลั่นทหารพร้อมลุย จับแก๊งบึ้มท้าทายคสช.

'แม่ทัพฯอภิรัชต์' ลั่นทหารพร้อมลุย จับแก๊งบึ้มท้าทายคสช.

แม่ทัพภาคที่1 ลั่นทหารพร้อมลุย จับแก๊งบึ้มท้าทายคสช. เผย "ประยุทธ์-ประวิตร" ใจเย็นให้เร่งสืบฯชัดเจนค่อยไล่ล่า เผยจัดชุดตรวจสนามหลวงทั้งถนน-ซอย24ชม. และกทมจัดกล้องวงจรปิดอีก200ตัว

พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลสถานการณ์ในภาพรวมภายหลังเกิดเหตุระเบิดที่โรงบาลพระมงกุฏเกล้าว่า ภายหลังจากที่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก เน้นย้ำถึงมาตรการการดูแลการรักษาความปลอดภัยภายหลังเกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

ทั้งนี้ทุกหน่วยของกองทัพภาคที่ 1 ได้มีการเตรียมการในเรื่องการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อยู่แล้ว ทั้งในส่วนของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ก็อยู่ประจำพื้นที่ทุกจุด แต่คนที่จ้องจะทำ ก็พยายามหาโอกาส ซึ่งไม่ใช่ว่าเมื่อเกิดเหตุแล้วจะมาเพิ่มมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยเพราะเรื่องเหล่านี้เรามีอยู่แล้ว เรามีระบบการตรวจสอบอย่างเข้มงวด

พล.ท.อภิรัชต์ กล่าวอีกว่า อย่างกรณีการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่สนามหลวง จะเห็นว่าในส่วนของ กทม.ได้ให้ความร่วมมือในการเปลี่ยนกล้องวงจรปิด และติดเพิ่มอีก 200 กว่าตัว ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน โดยให้ พล.ต.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองแม่ทัพภาคที่1 ไปดูแล และมีการเข้มงวดในการตรวจ และเพิ่มชุดจักรยานสายตรวจอีก 30 คันเพื่อจะได้เข้าถึงทุกตรอกซอกซอย และสามารถตรวจได้ตลอด 24 ชั่วโมง

พล.ท.อภิรัชต์ กล่าวว่า มาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยนั้นมีอยู่ 2 ประการคือ มาตรการในการรักษาความปลอดภัยในที่ตั้งของตัวเอง ซึ่งตนได้กำชับหน่วยทหารทุกหน่วยหาที่ตั้งของตัวเองมีปัญหา ผู้บังคับหน่วยต้องรับผิดชอบและพื้นที่ที่ตัวเองรับผิดชอบ ตามที่ได้รับการแบ่งแบบมอบให้ ให้ไปเพิ่มมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะ ในส่วนที่ผู้บัญชาการทหารบกเป็นห่วง ก็คือบริเวณขนส่งมวลชน สถานที่สัญลักษณ์

พล.ท.อภิรัชต์ กล่าวต่อว่า สำหรับรพ.พระมงกุฎเกล้า ถือเป็นพื้นที่เปิดและทั่วโลกคงไม่คิดว่าการก่อเหตุลักษณะดังกล่าวจะเกิดขึ้นในโรงพยาบาล และขอให้ช่วยกันประฌาม คนที่อยู่เบื้องหลังและให้การสนับสนุน จะด้วยวิธีใดก็ตามเป็นสิ่งที่โลกนี้รับไม่ได้ และการก่อวินาศกรรมทั่วโลกเขาไม่ทำกันที่โรงพยาบาล ยกเว้นเกิดความผิดพลาด

“แต่นี่เป็น รพ.ทหาร และมุ่งต่อชีวิตเป็นการกระทำที่เกินไปหรือไม่ ทำไมถึงจ้องที่จะทำลายกันขนาดนี้ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทุ่มเทความสามารถเพื่อหาเบาะแสผู้ก่อเหตุให้ได้ ซึ่งกลุ่มผู้ต้องสงสัยมีหลายกลุ่ม และทางนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ ผบ.ทบ. มีความใจเย็นมากแล้ว ที่ไม่ดำเนินการต่อกลุ่มต่างๆ ที่ต้องสงสัย ซึ่งหน่วยกำลังมีความพร้อมที่จะเข้าดำเนินการต่อกลุ่มผู้ต้องสงสัยทันที หากมีการสั่งการมาให้ดำเนินการกับกลุ่มผู้ต้องสงสัย ผมและลูกน้องของผมทุกคนพร้อมดำเนินการอย่างเต็มที่ แต่ผู้ใหญ่ได้พูดเสมอว่า ให้หาหลักฐานให้ชัดเจน หาจุดเชื่อมโยงให้ได้ หากไม่มีหลักฐานเพียงพอก็อย่าดำเนินการใดๆ เช่น การควบคุมตัวหรือการเชิญตัว ผู้ที่มีพฤติกรรมที่จะทำลายประเทศ มาให้ข้อมูลหากไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิด หรือหลักฐานที่ชัดเจน ก็จะเป็นเพียงการสุ่ม” แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว

พล.ท.อภิรัชต์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องสงสัย มีหลายกลุ่ม ทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ การแก้ไขปัญหาก็ต้องใช้เวลา ถึงแม้นว่าการทำงานบางอย่างต้องใช้กฎหมายพิเศษ หรือกำลังฝ่ายทหารในการเข้าไปดำเนินการ ขอให้ประชาชนมีความเข้าใจ ว่าคนที่เสียประโยชน์ไม่สามารถพูดกันดีๆ ได้ แต่ยืนยันว่า กลุ่มที่เสียผลประโยชน์ดังกล่าวไม่สามารถบั่นทอนและทำลายศักยภาพรัฐบาลได้ ซึ่งนายกฯได้พูดกับกองทัพว่าท่านจะไม่มีวันเสียกำลังใจ และยกเลิกความตั้งใจ ในการที่จะทำให้ประเทศดีขึ้น

“แต่ละประเทศมีวัตถุประสงที่ทำแตกต่างกันไป แต่ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธด้วยกัน มีพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวกัน มีสัญลักษณ์ ทำไมถึงได้คิดและทำกันอย่างนี้ อยากให้เข้าใจว่ามีมาตรการที่จะให้เกิดความปลอดภัยได้ 100 % เราคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว แต่คนจองที่จะทำมีวิธีการทำอยู่เสมอ หาช่องว่างโอกาสมาทำลายบรรยากาศของประเทศ“ พล.ท.อภิรัชต์ กล่าว.