วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (23 พ.ค.60)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (23 พ.ค.60)

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มต่อเนื่อง หลังซาอุดิอาระเบียและอิรักตกลงที่จะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่ออีก 9 เดือน

+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ในกลุ่มโอเปค ได้เดินทางไปยังเมืองแบกแดด ประเทศอิรัก ในวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อโน้มน้าวให้อิรักขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือน โดยผลการหารือเป็นไปในทางบวก ซึ่งทั้งสองประเทศต้องการลดปริมาณน้ำมันดิบส่วนเกินในตลาดซึ่งจะช่วยผลักดันให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยการเดินทางครั้งนี้นับเป็นการเยือนอิรักครั้งแรกในรอบ 30 ปี ของผู้นำซาอุดิอาระเบีย

+ โดยก่อนหน้าที่ซาอุดิอาระเบียจะไปเยือนอิรัก ได้มีการหารือกับรัสเซียโดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นเดือน มี.ค. 2561

+ ตลาดยังคงได้รับแรงหนุน จากการคาดการณ์ว่าข้อตกลงขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคจะบรรลุผลในการประชุมที่ใกล้จะเข้ามาถึงในวันที่ 25 พ.ค. นี้ โดยตลาดคาดการณ์ว่ากำลังการผลิตน้ำมันดิบจะปรับลดลงอยู่ที่ระดับ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดว่าจะขยายระยะเวลาการปรับลดไปอีก 6 หรือ 9 เดือน นับเริ่มจากเดือน ก.ค. 60

- อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงกังวลเกี่ยวกับอุปทานจากสหรัฐ ที่กำลังการผลิตน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 หรือเกือบ 900,000 บาร์เรลต่อวัน นับตั้งแต่กลางปี 2559 ไปแตะที่ระดับ 9.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน

+/- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานอินเดีย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปคและนอกกลุ่มโอเปค รวมทั้งแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น เป็นแรงผลักดันให้อินเดียพิจารณาที่จะนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐ และแคนาดา และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น


ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงสนับสนุนจากตลาดน้ำมันเบนซินฝั่งสหรัฐ ที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ อุปสงค์จากประเทศอินโดนีเซียที่ปรับเพิ่มขึ้นยังช่วยหนุนตลาดอีกแรง

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อของประเทศอินเดียที่ปรับเพิ่มขึ้นซึ่งช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกินในภูมิภาค ประกอบกับอุปสงค์ทางฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังคงทรงตัว


ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

          ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 48-53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

          ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

- จับตาประชุมของผู้ผลิตทั้งในกลุ่มโอเปคและนอกกลุ่มโอเปคในวันที่ 24 – 25 พ.ค. ว่าจะมีการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกจากเดิมหรือไม่ หลังซาอุดิอาระเบียและรัสเซียสนับสนุนให้ขยายระยะเวลาของข้อตกลงออกไปอีก 9 เดือนจนถึง มี.ค. 61 จากเดิมที่สิ้นสุดในเดือน มิ.ย. 60 เพื่อให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังส่วนเกินปรับลดลงมาสู่ระดับสมดุลที่ระดับค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปี และเพื่อให้ราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ ประเทศอื่นในกลุ่มโอเปค ได้แก่ คูเวต อิหร่าน และเวเนซุเอลา ได้กล่าวสนับสนุนต่อข้อตกลงดังกล่าวเช่นกัน

- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ มีแนวโน้มปรับลดลง หลังโรงกลั่นในสหรัฐ เพิ่มกำลังการกลั่นขึ้นมาสู่สูงสุดในรอบ 5 ปีสำหรับช่วงเวลานี้ที่ร้อยละ 93.4 เพื่อรองรับความต้องการน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สิ้นสุด ณ วันที่ 12 พ.ค. 2560 ปรับลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 520.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งนับเป็นการปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน

- ตลาดยังคงกังวลกับการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จากการเปิดดำเนินการของแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara และ El Feel ส่งผลให้กำลังการผลิตของลิเบียปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 800,000 บาร์เรลต่อวัน ในช่วงสิ้นเดือน เม.ย. 60 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2557 นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตของลิเบียคาดจะปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเร็วนี้และคาดจะปรับขึ้นมาอยู่ระหว่าง 1.1 – 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน หากสามารถแก้ไขสถานการณ์ขัดแย้งภายในประเทศลงได้

----------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
โทร.02-797-2999