‘บ้านปู’ ล็อกออเดอร์ดักถ่านหินพุ่ง

‘บ้านปู’ ล็อกออเดอร์ดักถ่านหินพุ่ง

"บ้านปู" ล็อกออเดอร์ดักถ่านหินพุ่ง เตรียมปรับราคาขายครึ่งปีหลังสอดคล้องต้น เร่งขุดเหมืองเพิ่มสำรอง-ซื้อแหล่งผลิตเชลออยล์ 

บ้านปู เร่งล็อกราคาถ่านหินล่วงหน้า รับประโยชน์ช่วงราคาขาขึ้น พร้อมปรับราคาขายในครึ่งปีหลังเพื่อสอดคล้องต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น หลังขุดเหมืองลึกค่าใช้จ่าย พร้อมซื้อแหล่งผลิตเชลออยล์เพิ่ม

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) BANPU เปิดเผยว่า ทิศทางของผลการดำเนินงานในปีนี้น่าจะมีการเติบโตจากปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทยังคงเป้าหมายการจำหน่ายถ่านหินที่  45 ล้านตัน เช่นเดิม เพราะมุ่งหวังการจำหน่ายถ่านหินคุณภาพสูง รวมถึงต้องการรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่  30-35% 

“เรายังคงปริมาณการผลิตถ่านหินที่ 45 ล้านตันเช่นเดิม  แม้ว่าทิศทางของราคาขายถ่านหินจะเพิ่มขึ้น เพราะเราต้องการควบคุมคุณภาพการผลิตให้อยู่ในระดับที่ดี รวมถึงบริษัทต้องการจะขุดเหมืองถ่านหินให้มีความลึกมากขึ้นเพื่อเพิ่มการสำรองถ่านหินให้อยู่ในระดับที่สูง”

ทั้งนี้ทิศทางของราคาขายถ่านหินในปีนี้ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยในราคาขายถ่านหินของประเทศอินโดนีเซีย อยู่ที่60-65 ดอลลาร์ต่อตัน ส่วนในประเทศออสเตรเลีย ราคาขายถ่านหินขยับมาจาก 48 ดอลลาร์ออสเตรเลีย มาอยู่ที่ 70 ดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าราคาถ่านหินน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทเลือกจะทำสัญญาการจำหน่ายถ่านหินล่วงหน้าแบบกำหนดราคาที่ 37% ของปริมาณการขายทั้งหมด และทำสัญญาแบบยังไม่กำหนดราคาอยู่ที่  34% ส่วนที่เหลือนั้นจำหน่ายในราคาสปอต 

สำหรับความต้องการใช้ถ่านหินทั่วโลกยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในประเทศจีนที่เริ่มผ่อนคลายจำนวนวันการผลิตถ่านหินจากเดิมที่ 270 วัน เพิ่มขึ้นเป็น 350 วัน ทั้งนี้ แม้ราคาถ่านหินจะมีทิศทางที่เพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายในการผลิตก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เป็นผลมาจากการเพิ่มระดับความลึกของการขุดเจาะ เพื่อเพิ่มการสำรองถ่านหินของบริษัทให้ปรับสูงขึ้น ผลดังกล่าวจะไม่ทำให้เกิดความหวือหวาจากประโยชน์ราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้น แต่จะช่วยสร้างเสถียรภาพของการจำหน่ายถ่านหินในระยะยาว 

แผนการลงทุนในอนาคต บริษัทจะเดินหน้าเข้าซื้อหุ้นในแหล่งขุดเจาะเชลออยล์ในประเทศสหรัฐมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีการเข้าซื้อแหล่งผลิตแล้วจำนวน 3 แห่ง โดยมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1% ของรายได้รวมของบริษัท โดยนโยบายการเข้าซื้อแหล่งขุดเจาะ คือ การมุ่งไปที่ แหล่งขุดเจาะที่อยู่ใกล้เคียงกับแหล่งที่บริษัทลงทุนอยู่เดิม โดยจะใช้วงเงินต่อแหล่งในระดับที่ไม่สูงมาก โดยคาดว่าจะมีแหล่งขุดเจาะเข้ามาเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 นี้ ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจถ่านหิน 90% ธุรกิจไฟฟ้า 9% และธุรกิจแก๊ส 1%