ร้อง 'นายกฯ' ดำเนินคดีแพ่ง-อาญา 'หมอธี'

ร้อง 'นายกฯ' ดำเนินคดีแพ่ง-อาญา 'หมอธี'

ภตช.ร้อง “ประยุทธ์” ดำเนินคดีแพ่ง-อาญา “หมอธี” และพวก ล๊อกสเป๊ค เลขาธิการ สกสค-คุรุสภา

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานชั่วคราว ก.พ. ชั้น 1  ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ(ภตช) นำโดย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ พร้อม คณะฯได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อร้องเรียนเนื่องจากภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ(ภตช) ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก ครู นักเรียน ผู้บริหาร ประชาชน อีกทั้ง ภตช. เองได้ติดตามการดำเนินการของ กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) อย่างไม่คลาดสายตามาโดยตลอด ในทุกโครงการ ทุกนโยบายที่ออกมาซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชน นักเรียน ผู้ปกครอง ซึ่งมีประเด็นดังนี้

         1.การประกาศสรรหาเลขาธิการคุรุสภา และ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ของ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 17/2560 นั้น 1.1 ประกาศสรรหาเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)นั้น มีสิ่งที่อาจจะไม่ชอบมาพากล ตรงนี้ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการสรรหาเลขาธิการ สกสค.ข้อ 4 วิธีการสรรหาให้ดำเนินการ ดังนี้

          (1) กรรมการ สกสค. เสนอชื่อ บุคคลซึ่งมีคุณสมบัติตามข้อ 2. ลงวันที่ 25 เมษายน 2560 ลงชื่อ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศธ.นั้นหมายความว่า บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้ารับการสรรหาได้ ถ้ากรรมการสกสค.ภายใน 9 คน ไม่เสนอชื่อ ซึ่งเป็นการปิดกั้นบุคคลซึ่งมีความรู้ ความสามารถในภาคธุรกิจที่บริหารองค์กรแล้วมีกำไร ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่นเหมือนข้าราชการประจำมาเป็นผู้บริหารในอดีตที่ผ่านมาตลอดร่วม 20 ปี ทำกิจการขาดทุน ซึ่งภายในศธ.ทราบกันตั้งแต่ 5 เดือนที่ผ่านมาว่า ตำแหน่งนี้ รมว.ศธ.อาจจะล๊อกให้ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัดศธ.ปฏิบัติหน้าที่ เลขาธิการ สกสค.และปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้า(ผอ.อค.)ของสกสค. 

         "เพราะตั้งแต่ 25 เม.ย. 2560 ถึง วันที่ 15 พ.ค.2560 มีผู้สนใจจะสมัครกว่า 20-30 ราย  ที่ไม่สามารถสมัครได้ เพื่อไปขอพบกรรมการ สกสค. 8 ราย ก็บอกว่า รมว.ศธ มีคนแล้ว อย่าสมัคร สมัครไปก็ไม่ได้ จึงทำให้วันที่ 16 พ.ค.2560 ปลัดศธ.แถลงว่ามีผู้สมัคร 4 ราย คือ1.ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัดศธ.ปฏิบัติหน้าที่ เลขาธิการ สกสค.และปฏิบัติหน้าที่ ผอ.องค์การค้าฯ 2.นางผานิตย์ มีสุนทร อดีต รองปลัดศธ.ที่ปรึกษา ผอ.องค์การค้าฯ3.นายสันติ รุ่งสมัย อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 2(สพป.เพชรบุรี เขต2)แปลก 3 คน แรก มีกรรมการ สกสค.เสนอชื่อ เซ็นรับรองให้โดยง่าย และ4.นายสมมาตร์ มีศิลป์ อดีต ผอ.องค์การค้าฯรายนี้ไม่มีผู้เซ็นรับรองให้ ต้องทำหนังสือ ร้องเรียน ถึงมี ผู้เซ็นรับรองให้ ส่วนรายอื่นๆอีกกว่า 20-30 คน ไม่มีผู้เซ็นให้"เลขาธิการ ภตช. กล่าว

         1.2 ประกาศสรรหาเลขาธิการคุรุสภา นั้นมีสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล ตรงนี้ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการสรรหาเลขาธิการคุรุสภา ข้อ 4 วิธีการสรรหาให้ดำเนินการ ดังนี้ (1) กรรมการคุรุสภา เสนอชื่อ บุคคลซึ่งมีคุณสมบัติตามข้อ 2.  ลงวันที่ 25 เม.ย. 2560 ลงชื่อ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นั้นหมายความว่า บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้ารับการสรรหาได้ ถ้ากรรมการคุรุสภา ภายใน 11 คน ไม่เสนอชื่อ ซึ่งเป็นการปิดกั้นบุคคล ซึ่งมีความรู้ความสามารถภาควิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ อดีตเลขาธิการคุรุสภา อดีต กรรมการคุรุสภา ผู้มีประสบการณ์ ฯ ที่มีความสามารถเชิงบริหารควบคุมมาตรฐานวิชาชีพได้ ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่นเหมือนข้าราชการประจำมาเป็นผู้บริหารในอดีตที่ผ่านมาตลอดร่วม 20 ปี 

         "เลขาธิการ ภตช.ระบุ  กล่าวด้วยว่า ภายในศธ.ทราบกันตั้งแต่ 5 เดือนที่ผ่านมาว่า ตำแหน่งนี้ รมว.ศธ อาจจะให้ ดร.สมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา ปฏิบัติหน้าที่ เลขาธิการคุรุสภา เป็น เลขาธิการคุรุสภา เป็นตัวจริง ตั้งแต่ 25 เม.ย. 2560 ถึง วันที่ 16 พ.ค.2560 มีผู้สนใจกว่า 20 ราย สนใจสมัคร มาร้องเรียนก็มี ก็ไม่สามารถสมัครได้ พอไปหา กรรมการคุรุสภา ทั้ง 10 ราย ก็บอกว่า รมว.ศธ อาจจะมีคนแล้ว อย่าสมัคร สมัครไปก็ไม่ได้ จึงทำให้วันที่ 16 พ.ค. 2560 ปลัดศธ.แถลงว่า มีผู้สมัคร 3 ราย คือ ซึ่งมี กรรมการคุรุสภา รับรอง1.ดร.สมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา ปฏิบัติหน้าที่ เลขาธิการคุรุสภา 2.ดร.กมล ศิริบรรณ อดีตรองปลัดศธ.และ 3.นายเพิ่ม หลวงแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนหนองเรือ จ.ขอนแก่น

          "เหตุการณ์เช่นนี้ไม่น่าเกิดในศธ. ในยุค คสช เช่นนี้ เพราะฉะนั้น ควร จะต้องมีการเปิดสรรหา เลขาธิการคุรุสภา เลขาธิการ สกสค.อย่างเปิดกว้างเป็นธรรม ให้คนดี เก่ง มีความสามารถ มาสมัครมากๆ อีกทั้งอีกตำแหน่งที่สำคัญคือ ผอ.องค์การค้าฯ(รัฐวิสาหกิจ ของ ศธ) สมควรอย่างยิ่งต้องเปิดการสรรหาคนมีฝีมือเชิง ธุรกิจ ทำกำไร ไม่ขาดทุน ชำระหนี้สินขององค์กรได้ ไม่ต้องทำให้ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีปวดหัว มี รมว.ศธ ก็อาจจะแก้ปัญหาไม่เป็น อาจจะทำปัญหาเพิ่ม เราไม่ต้องการ ฝ่ายการเมือง-ข้าราชการไร้ความสามารถ ทำองค์การค้า ของ สกสค เจ้ง พนักงานต้องตกงาน ขาดทุน เป็นหนี้ ต้องกู้เงิน่ทำอยู่เป็นภาระงบประมาณ"เลชาธิการ ภตช.ระบุ

         2.จากยอดการขายหนังสือเรียนของ องค์การค้า ของ สกสค. มียอดขายตกต่ำกว่า 2,311 ล้านบาท(เทียบยอด พ.ศ.2558 ยอด 3,681 ล้านบาท ยอดงบดุล ผ่านการรับรองจาก บอร์ด สกสค.,บอร์ดองค์การค้า ของ สกสค และ ผ่านการตรวจสอบรับรองจาก สตง แล้ว) แต่ปี พ.ศ. 2560 ขายได้เพียง 1,370 ล้านบาท(ยอดขายสะสม 1 ต.ค.59 – 7 พ.ค.60) ยอดขายปี พ.ศ.2559 ขายได้ 2,621 ล้านบาท ต่ำกว่า ปี พ.ศ.2558 อยู่ 1,060 ล้านบาท อีกทั้งมีหนี้สินเพิ่มจากการกู้เงินเพิ่มอีก 500 ล้านบาท และ มีแผนการที่จะกู้เพิ่มอีก 2,500 ล้านบาท ในเดือน มิถุนายน 2560 

       "เป็นที่น่าสังเกตตั้งแต่ 18 เม.ย. 2558 ถึง ปัจจุบัน องค์การค้า ของ สกสค ภายใต้การบริหารของ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศธ.และพวก  ทำยอดขายตกเสียหายร่วม 3,371 ล้านบาท (เสียหายเหมือนโครงการรับจำนำข้าว) หนี้สินเพิ่ม ทำความเดือดร้อนให้กับ ครอบครัวของ อดีต พนักงานอดีต-ปัจจุบัน ของ องค์การค้า ของ สกสค. กว่า 1,454 ราย ที่มีคำพิพากษาศาลฏีกาให้ชำระหนี้ 3% บวก 2 ขั้น 5% 4% ตามมติ คณะรัฐมนตรี(ครม.) ยอดเหลือค้างจ่ายกว่า 700 ล้านบาท"นายมงคลกิตติ์ กล่าว

         เลขาธิการ ภตช. กล่าวอีกว่า  สมัย นายสมมาตร์ มีศิลป์ อดีต ผอ.องค์การค้า ของ สกสค. สมัย 2 ดำรงตำแหน่ง 1 ต.ค.2555 - 18 เม.ย.58 จ่ายเงินค้างจ่ายของปี พ.ศ.2547 จ่ายครั้งที่ 1 เดือน พฤษภาคม 2557 จำนวน 250 ล้านบาท จ่ายครั้งที่ 2 เดือน ธันวาคม 2557 รายละ 50,000 บาท จำนวน 122 ล้านบาท และ ภายใน เมษายน 2558 จำนวน 250 ล้านบาท ยังไม่ได้จ่ายเนื่องจาก ถูก ม.44 ก่อน  ซึ่งปี พ.ศ.2557 ยอดขาย 3,544 ล้านบาท ปี พ.ศ.2558 ยอดขาย 3,681 ล้านบาท อีกทั้งไม่มีการกู้เงินเพิ่ม มีสภาพคล่องดีมาก ชำระหนี้ได้ทั้งหมด ตามเป้า 

         หากย้อนกลับไปเมื่อ ปี พ.ศ.2540 นายสมมาตร์ มีศิลป์ อดีต ผอ.องค์การค้า ของ สกสค. สมัย 1 บริหารงานมียอดขายสูงสุด 4,675 ล้านบาท สามารถผลิตตำราได้ถึง 90 ล้านเล่ม กำไรสุทธิ 417.121 ล้านบาท/ปี จัดสรรงบสนับสนุนคุรุสภา 154 ล้านบาท ซึ่งปีนั้น องค์การค้าคุรุสภา ไม่มีหนี้สิน แต่ทำกำไรสูงถึง 1,529 ล้านบาท

         3.การอาจจะการปล่อยปละละเลยให้ บริษัทเอกชนรายใหญ่แห่งหนึ่งได้จัดพิมพ์หนังสือที่หน้าปก ว่า”หนังสือเรียนเล่มนี้ได้ปรับปรุงเนื้อหาส่วนที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ตามหนังสือ ศธ 04010/ว 4248 แล้ว”ซึ่งไม่ตรงตามรูปแบบที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)อนุมัติ อาจจะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ ทำให้มีการได้เปรียบทางการค้าอย่างสูง ยอดขายมาก ทำให้ องค์การค้า ของ สกสค.(รัฐวิสาหกิจ) ยอดขายตกต่ำมาก จำหน่ายหนังสือไม่ทัน

         เนื่องจากต้องรอปรับแก้ จาก สพฐ หรืออาจจะมีการจงใจอนุมัติรายอื่นล่าช้า และ อาจจะเป็นการปล่อยปละละเลยของ ข้าราชการประจำ และ ผู้บริหารฝ่ายการเมือง หรืออาจจะช่วยเหลือเอกชนทางอ้อม และอาจจะทำให้เกิดการกระทำไม่บังควรต่อเบื้องสูงเป็นอย่างยิ่งซึ่ง อาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกกหมายอาญา มาตรา 112 ก็เป็นได้เหตุผลดังกล่าว อาจจะเป็นการเอื้อประโยชน์อย่างแยบยล จงใจให้สำนักพิมพ์นี้ได้ยอดขายจำนวนมาก ไปกินยอดขายของ องค์การค้า ของ สกสค. ทำขาดทุนรัฐวิสาหกิจ ของ ศธ เสียหาย และ ล้มละลายในที่สุด ซึ่งถ้าปี 2560 ยอดขายมาก ปีหน้าก็กินพื้นที่การตลาดมาก

         ในปี 2561 เข้าสู่โครงการยืมหนังสือเรียน โรงเรียนซื้อเพิมเติม 30% จากยอดตลาดเดิม สพฐ. 5,214 ล้านบาท ซื้อเพิ่ม 1,564.3 ล้านบาท หน้าฉากประหยัดงบไป 3,649.8 ล้านบาท ให้รัฐบาลเห็น ซึ่งนักเรียนใน 1 ห้องเรียน ถ้าใช้หนังสือเดิมเป็นของ สำนักพิมพ์ A ซื้อเพิ่มก็ต้องสำนักพิมพ์ A เท่านั้น เพราะเนื้อหาจะตรงกันทั้งหน้า และ แบบฝึกหัด ทำให้ครูผู้สอนทำการสอนได้ ซึ่งจะซื้อต่างสำนักพิมพ์ไม่ได้ เพราะผู้เขียนคนละคนกัน เนื้อหาไม่ตรงกัน

         "ถ้าปีนี้ ยอดขายของ องค์การค้า ของ สกสค. 1,370 ล้านบาท ปีหน้า ได้รับผลกระทบจากนโยบายยืมหนังสือเรียน 30% จะเหลือยอด 411 ล้านบาท จะทำให้องค์การค้า ของ สกสค ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ เพื่อก่อตั้งมาเพิ่มคานอำนาจกับเอกชน ล่มสลายในปี 2561  ในที่สุด พนักงาน ครอบครัวพนักงาน ตกงานกว่า 1 หมื่นชีวิต ไม่รวมของ สำนักพิมพ์อื่นๆต้องปิดตัวลงทั้งหมด พนักงาน ครอบครัวกว่า 1 แสนคน ต้องตกงาน รอรับการช่วยเหลือจากรัฐบาลต่อไป จนต้องไปลงทะเบียนคนจน"เลขาธิการ ภตช. กล่าว 

         4.การอาจจะปิดบังซ่อนเร้นหรืออาจจะหลอกลวงหรืออาจจะให้ข้อมูลไม่ครบรอบด้าน กับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทำให้ออกนโยบายไม่รอบคอบ สร้างปัญหาในอนาคต เป็นโดมิโน่ เด็กเสียโอกาส การศึกษาวุ่นวาย สร้างความเหลื่อมล้ำ ในการเสนอขออนุมัติ ทำนโยบาย ยืมหนังสือเรียน แทน หนังสือแจกฟรี ของนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศธ. อ้างว่าประหยัดงบประมาณ 

         "หรือ แท้จริงแล้ว อาจจะวางแผนเอื้อประโยชน์ ให้กับบางสำนักพิมพ์ อาจจะทำลาย องค์การค้า ของ สกสค.รัฐวิสาหกิจที่ทำรายได้ของ ศธ ผ่านโครงการยืมหนังสือเรียน ตามเหตุผล ข้อ 3 วรรคสองประเด็นเสนอแนะเพิ่มเติม ทาง ภตช. ถึงได้มายื่นหนังสือถีงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดกับรมว.ศธ.กับพวก ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา"เลขาธิการ ภตช.กล่าวในที่สุด