ลูกค้าทึ่ง! สาวสวยทำงานช่างซ่อม ไม่กลัวเปื้อน

ลูกค้าทึ่ง! สาวสวยทำงานช่างซ่อม ไม่กลัวเปื้อน

ลูกค้าทึ่ง! สาวสวยวัย 24 ปี จบ ป.ตรี ทำงานช่างซ่อมช่วงล่างรถเหมือนชายทุกอย่าง ไม่กลัวเปื้อนมอมแมม เผยรับช่วงกิจการของพ่อ

นครราชสีมา วันนี้ (22 พฤษภาคม 2560) ที่ร้านสันติผ้าเบรก ริมถนนราชสีมา-จักราช (เพชรมาตุคลา) ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เจ้าของร้านเป็นหญิงสาวสวยวัยเพียง 24 ปี ชื่อว่า นางสาว ภาวิดา ใยงูเหลือม หรือน้องข้าวฟ่าง โดยทุกวันน้องข้าวฟ่างจะต้องทำหน้าที่ถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์ ซ่อมเบรก เจียรจานดิสเบรก และซ่อมช่วงล่างรถยนต์ของลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการที่ร้าน ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจของลูกค้าที่ไปใช้บริการ เนื่องจากน้องข้าวฟ่างมีรูปร่างผอมบาง และมีหน้าตาสะสวย แต่กลับสามารถคลุกคลีกับอุปกรณ์ช่าง และน้ำมันเครื่องรถยนต์ จนเสื้อผ้าเนื้อตัวดำมอมแมม และไม่แสดงอาการรังเกียจแต่อย่างใด

ซึ่งจากการสอบถามน้องข้าวฟ่าง เล่าให้ฟังว่าเรียนจบปริญญาตรีด้านการตลาด จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เมื่อปี 2557 และเมื่อจบใหม่ๆ ก็ได้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัท ได้ประมาณ 1 ปี จากนั้นน้องข้าวฟ่างก็ลาออกจากงานแล้วกลับไปทำธุรกิจร้านรับซ่อมผ้าเบรก และช่วงล่างรถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเมื่อประมาณ 1 ปีก่อน โดยน้องข้าวฟ่างรับช่วงธุรกิจต่อจากคุณพ่อ คือ นายสันติ ใยงูเหลือม อายุ 51 ปี

ที่บ้านเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ตนเป็นลูกสาวคนโต และมีน้องสาวอีก 2 คน เลยตัดสินใจกลับไปช่วยงานธุรกิจของครอบครัว เพราะตอนเด็กๆก็คลุกคลี และเคยช่วยงานของคุณพ่อบ่อยๆ ไม่เคยกลัวเปื้อน เพราะถ้าหากเปื้อนแล้วได้เงินก็ทำได้ ตั้งใจจะทำงานแบบนี้ไปตลอด อยากช่วยแบ่งเบาภาระของคุณพ่อ ที่ทำงานหนัก และเหนื่อยมานานแล้ว ต่อจากนี้ไปตนจะช่วยงานของที่บ้านเอง และอยากให้คุณพ่อได้พักผ่อนบ้าง

ด้านนายสันติ ใยงูเหลือม อายุ 51 ปี พ่อของน้องข้าวฟ่าง เล่าว่า ตอนน้องข้าวฟ่างเรียนอยู่ระดับมัธยม ก็ได้มาช่วยงานในอู่เป็นประจำ ได้สั่งสอนลูกสาวว่าถ้าคนเรามีความขยัน อดทน และไม่เลือกงาน ก็จะไม่มีวันลำบากแน่นอน ดังนั้นจึงได้ให้มาช่วยงานที่อู่ โดยให้ทำทุกอย่างที่ผู้ชายทำ เช่น การทำเบรก เจียรจารเบรก ย้ำผ้าครัช เปลี่ยนลูกหมาก และถ่ายน้ำมันเครื่อง ซึ่งลูกสาวก็พยายามทำช่วยพ่อมาโดยตลอด ช่วงที่ไปเรียนในระดับปริญญาตรี ห่างการช่วยงานระยะหนึ่ง เพราะไม่มีเวลา ก่อนที่จะไปทำงานในบริษัทเอกชน และลาออกมาบอกพ่อว่า อยากมาช่วยพ่อทำงานในอู่ ซึ่งตอนแรกตนก็รู้สึกกลัวว่าลูกสาวจะเสียโอกาสได้ทำงานสบายๆ เหมือนสาวคนอื่น แต่ลูกสาวก็ยังยืนยันว่าจะมาช่วยพ่อทำงานบริหารอู่แห่งนี้ ให้มีการพัฒนาได้มาตรฐานยิ่งขึ้น เพื่อให้พ่อได้พักผ่อนบ้าง จึงรู้สึกภาคภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้มาก โดย หวังว่าลูกสาวคนนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ ซึ่งปัจจุบันนี้เรียนจบมาแล้วตกงานเป็นจำนวนมาก ให้รู้จักว่าถ้าคนเรารู้จักขยัน อดทน และไม่เลือกงานแล้ว ย่อมไม่มีวันอดตายแน่นอน