ศุลกากรส่งตรวจหลอดทรงกรวย คาดเป็นโครโมโซมมนุษย์

ศุลกากรส่งตรวจหลอดทรงกรวย คาดเป็นโครโมโซมมนุษย์

ศุลกากรหนองคาย ส่งมอบของกลางหลอดทรงกรวยให้สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย นำตรวจห้องแล็บ คาดอาจเป็นโครโมโซมมนุษย์ หลังยึดได้จากแก๊งอุ้มบุญ

ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย พร้อมด้วยนายพิชิต ลีลาศ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ เจ้าหน้าที่ด่านอาหารและยาหนองคาย ได้ทำการตรวจสอบของกลางที่ตรวจยึดได้จากแก๊งอุ้มบุญที่เดินทางกลับจาก สปป.ลาว เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกล่องโฟมที่มีการบรรจุหลอดรูปทรงกรวยความยาว 2 ซม. ปิดผนึกด้านหน้า จำนวน 46 แท่ง ด้านบนฝากรวยปิดผนึกแน่นหนา มีตัวอักษรระบุ yy/ xy/xx และวันที่ไว้ จากนั้นนายด่านศุลกากรได้ส่งมอบหลอดทรงกรวยทั้งหมดให้กับนายพิชิต นำไปตรวจพิสูจน์ทางห้องปฏิบัติการว่าภายในหลอดมีการบรรจุสิ่งใด

นายพิชิต ลีลาศ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการเจ้าหน้าที่ด่านอาหารและยา กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าหลอดรูปทรงกรวยเหล่านี้จะเป็นโครโมโซมมนุษย์ ดูจากรหัสที่เขียนได้ด้านบนฝาผนึกคล้ายกับรหัสที่ระบุโครโมโซมเพศหญิงเพศชาย ซึ่งตามปกติโครโมโซมมนุษย์จะมี 23 คู่ 46 แท่ง โดย 44 แท่ง เป็นโครโมโซมปกติ ส่วนอีก 2 แท่งจะเป็นโครโมโซมระบุเพศชายหรือหญิง และจำนวนที่พบก็ตรงจำนวน 46 แท่ง ตามหลักทางการแพทย์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า จำเป็นต้องตรวจพิสูจน์ในห้องปฏิบัติการ หรืออีกนัยหนึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นสารเคมีที่อาจจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการฝังตัวอ่อน หรืออุ้มบุญ ก็ได้เช่นกัน ประกอบกับการเก็บรักษาในกล่องโฟมรักษาอุณหภูมิในห้องเย็นด้วยการใส่น้ำแข็งแห้งจำนวนมาก คล้ายห้องเย็นปลอดเชื้อ

จึงคาดว่าภายในหลอดเป็นสารหรือองค์ประกอบสำคัญในกระบวนการอุ้มบุญ โดยจะได้ติดต่อทางโรงพยาบาลหนองคายว่าสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ หากไม่สามารถดำเนินการได้ก็จะส่งไปยังส่วนกลางพิจารณาตรวจสอบให้ ขณะเดียวกันได้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมส่งให้กับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับอำนาจจากกระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าทุกข์กล่าวโทษกับกองปราบให้ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย

ขณะที่นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวเพิ่มเติม ว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค.60 ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบได้เดินทางมาขอเอกสารการจับกุมและข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากศุลกากรไปแล้ว เพื่อนำไปประกอบการดำเนินคดี ซึ่งในวันนี้หลังจากส่งมอบของกลางในกล่องโฟมแล้วก็ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทางห้องแล็บปฏิบัติการ หากว่าเป็นโครโมโซมมนุษย์จริง ก็จะเรียกตัวนายนิคม สิมารัตน์ คนขับรถที่พาหญิงสาว 6 คน ไปทำอุ้มบุญมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558

พร้อมกันนี้ ได้ทำแผนผังเส้นทางการเคลื่อนไหวในขบวนการอุ้มบุญ เชื่อมโยงได้ข้อมูลที่น่าเชื่อได้ว่า คลินิกใหญ่ 4 แห่ง ในไทย ประสานกับคลินิกในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งในลาวและกัมพูชา จากนั้นว่าจ้างกลุ่มบุคคลนำตัวอ่อนหรือเชื้ออสุจิ ไปทำการผสม ขณะเดียวกันก็มีคนจีนซึ่งอาจจะรับจ้างจากคนจีนในประเทศจีนหรือต่างประเทศที่ต้องการมีบุตรแล้วเข้าสู่กระบวนการอุ้มบุญ โดยคนจีนที่เป็นตัวกลางก็จะหาเครือข่ายหญิงไทยที่มีสามีและมีลูกแล้วรับอุ้มบุญ แล้วพาไปทำการฝังตัวอ่อนที่คลินิกในประเทศเพื่อนบ้าน แล้วค่อยพาตัวกลับมาอุ้มท้องในประเทศไทย รอการคลอด ซึ่งเชื่อว่าเมื่อใกล้คลอดจะพาหญิงเหล่านี้ไปคลอดยังต่างประเทศ โดยหญิงไทยบางคนที่อยู่ในขบวนการมีประวัติเดินทางไปยังประเทศจีนมาก่อน เมื่อคลอดแล้วหญิงไทยที่รับจ้างอุ้มบุญจึงจะได้รับเงินค่าจ้างคนละ 100,000-300,000 บาท.