“เรียลเทค”เคลื่อนอสังหาฯ รู้ทันคู่แข่ง-ก้าวทันตลาด

“เรียลเทค”เคลื่อนอสังหาฯ รู้ทันคู่แข่ง-ก้าวทันตลาด

ในงานสัมมนา“Real Tech 2017 นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” จัดโดยสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์และพันธมิตร (REP) ร่วมกับมหาวิทยาลัยกรุงเทพและมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย

มีตัวแทนจากภาครัฐ และเอกชนร่วมให้ข้อมูลการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจให้กับธุรกิจอสังหาฯ

ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวในหัวข้อ “Real Tech 2017 เทคโนโลยี ช่วยหรือฉุด ธุรกิจอสังหาฯ” ว่าในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการ“สรรหาที่ดิน”หลากหลายเครื่องมือ โดยมีทั้ง GIS (Geographic Information Systems) ระบบภูมิสารสนเทศช่วยให้การตัดสินใจเลือกซื้อที่ดินที่มีศักยภาพ ตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงเครื่องมือ และแอพพลิเคชั่น ที่สามารถวัดระยะที่ดิน หรือดูที่ดินจากมุมมองสูง ซึ่งถือได้ว่าผู้ประกอบการอสังหาฯสามารถดึงเทคโนโลยีต่างๆมาใช้เอื้ออำนวยประโยชน์ทางธุรกิจได้มาก

ทั้งยังมีเทคโนโลยีที่ช่วย “วางผังเขียนแบบก่อสร้าง” - “ประเมินโครงสร้างราคา”การออกแบบโครงสร้างอาคารต่างๆ สามารถติดตามความก้าวหน้างานผ่านรูปแบบจำลอง 3 มิติ เป็นต้น

นอกเหนือการนำเทคโนโลยีมาใช้กับการก่อสร้างแล้ว ยังสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้กับการทำตลาดอสังหาฯ โดยในปัจจุบันกลุ่มลูกค้าที่มาซื้ออสังหาฯมีตั้งแต่อายุ 25ปีขึ้นไป และมีฐานกว้างมากขึ้น ดังนั้นนักอสังหาฯก็สามารถจำแนกผู้บริโภคเป็นกลุ่มต่างๆ เช่น เจน B กลุ่มนี้ค่อนข้างทำงานหนัก มีกำลังซื้อ ใส่ใจคุณภาพสินค้าที่จะซื้ออย่างมาก ส่วนกลุ่มเจน X เป็นกลุ่มที่ชอบความยืดหยุ่น เจนYเป็นกลุ่มที่มีความรู้ได้รับการศึกษาที่สูงขึ้น มุ่งเน้นเรื่องผลิตภัณฑ์ ไอที และออนไลน์ ดังนั้นจึงต้องรวบรวมข้อมูลและพิจารณาวิธีต่างๆที่จะเข้าถึงกลุ่มต่างๆเหล่านี้

อย่างไรก็ดี แม้เทคโนโลยีจะมีข้อดี แต่ก็ยังมีข้อเสีย เพราะหากควบคุมการรั่วไหลข้อมูลได้ไม่ดี ความลับขององค์กรก็จะรั่วไหล ถ้าใช้มากเกินไปก็จะเปลืองเงินลงทุน ทำให้ฐานะการเงินอ่อนแอ แต่ถ้าจะไม่ใช้เครื่องมือเหล่านี้ก็จะทำให้การดำเนินงานล่าช้า ตามไม่ทันคู่แข่ง

“เทคโนโลยีที่มีต้นทุนสูงเกินไป บางครั้งก็สามารถรวมกลุ่ม หรือรวมตัวกับสมาคมเพื่อร่วมกันลงทุน แบ่งปันการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีร่วมกันก็จะช่วยลดงบลงทุนลงได้"

โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหารศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวในหัวข้อ“Big Data”สถิติสำคัญในวงการอสังหาฯ ที่ต้องรู้” ว่า การดึงBig Data หรือข้อมูลที่มีขนาดใหญ่มีปริมาณมากมาใช้กับธุรกิจอสังหาฯจะช่วยให้ผู้ประกอบการรับรู้ข้อมูลต่างๆและนำมาปรับใช้กับการตัดสินใจและวางแผนงาน เพื่อให้เข้าถึงลูกค้า ทำการตลาด โฆษณาประชาสัมพันธ์ ตลอดจนเพิ่มโอกาสการสร้างยอดขายได้มาก โดยเฉพาะการจัดเก็บข้อมูลลูกค้าต่อเนื่อง เช่น ช่องทางออนไลน์ จะช่วยให้องค์กรมีสถิติข้อมูลที่สำคัญกับการดำเนินงานอย่างมาก

ทั้งนี้ สถิติสำคัญของกลุ่มอสังหาฯ ประกอบด้วย ข้อมูลการเปิดตัวโครงการใหม่ ซึ่งจะช่วยแสดงข้อมูลได้ว่ามีจำนวนโครงการเปิดใหม่มากหรือน้อยเพียงใด ทำให้เห็นความเคลื่อนไหวของคู่แข่งในตลาด และเห็นถึงสภาพตลาดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีหรือไม่ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สำคัญมากกว่าจำนวนข้อมูลโครงการที่สร้างเสร็จ 

นอกจากนี้ ข้อมูลสถิติสำคัญเรื่อง“ภาวะการขาย”ก็ช่วยสะท้อนได้ว่าโครงการที่เปิดตัวไปมียอดขายอย่างไรบ้างสะท้อนหรือชี้วัด“สุขภาพของตลาดอสังหาฯ”

วีระพงศ์ มาลัย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวปาฐกาพิเศษว่า ขณะนี้มีเทคโนโลยีนวัตกรรมหลากหลายที่เป็นเครื่องมือช่วยในการดำเนินงาน เช่น แอพพลิเคชั่น Groundworks แต่เทคโนโลยีก็มาพร้อมกับต้นทุน ดังนั้นต้องพิจารณาว่าจะใช้อย่างไรให้เหมาะสมเพราะบางเทคโนโลยีก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงมูลค่าของเทคโนโลยีนั้นก็จะตกเร็วตามเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีใหม่ๆที่เข้ามา

เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคมและรองประธาน คสช.กล่าวในหัวข้อ“ธุรกิจไทยอยู่ยาก หากขาดดิจิทัล” ว่าในอนาคตเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด แม้กระทั่งเทคโนโลยี4Gก็เริ่มอิ่มตัวแล้ว และกำลังจะถูกเทคโนโลยี5Gที่มีคุณสมบัติเชื่อมโยงข้อมูลได้เร็วกว่า4Gมากถึง20%ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะส่งผลต่อการปรับตัวของทุกอุตสาหกรรมต่างๆ โดยจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่สามารถใช้เทคโนโลยีสมองกล หรือเอไอ เข้ามาใช้ในการดำเนินงาน หรือแม้กระทั่งการติดต่อสื่อสารข้อมูล เช่น การส่งไฟล์วีดีโอขนาดใหญ่ก็สามารถส่งได้ภายในเวลาอันรวดเร็วมากขึ้น

ทั้งนี้ นักคาดการณ์ด้านการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกคาดว่าภายใน10ปีนี้ จะมีการนำโซลาร์เซลล์ มาใช้ในตัวอาคารมากถึง50%ของการใช้พลังงานทั้งหมด