ครอบครัว 'ชัยภูมิ' ร้องนำภาพกล้องวงจรปิดมาเผย

วันนี้ (8 พ.ค.) ที่สำนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ นายสุมิตรชัย หัตถสาร ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น ในฐานะทนายความที่ดูแลคดีให้กับครอบครัวนายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมเครือข่ายเยาวชนต้นกล้าชนเผ่าพื้นเมืองที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญฆาตกรรม ระหว่างจับกุม และยึดยาบ้า 2,800 เม็ด กับรถยนต์เก๋ง เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2560 ที่บริเวณด่านตรวจบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พร้อมครอบครัวของนายชัยภูมิ และตัวแทนมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึงอัยการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีความให้ดำเนินไปด้วยความโปร่งใส และยุติธรรม 

นอกจากคดีของนายชัยภูมิ ป่าแส แล้ว ยังมีครอบครัวของนายอะเบ แซ่หมู่ ที่เข้ามาติดตามคดีของครอบครัวตนในวันนี้ และให้กำลังใจครอบครัวของนายชัยภูมิเช่นกัน ซึ่งกรณีของนายอะเบ แซ่หมู่ ก็ถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญ เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2560 ฐานมียาเสพติดและระเบิดในครอบครอง พร้อมต่อสู้ขัดขวางระหว่างการจับกุมและพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่เช่นกัน ทั้งที่ปกติแล้วไม่มีพฤติกรรมที่จะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรืออาวุธปืนซึ่งทั้ง 2 คดีคล้ายคลึงกันอย่างมาก

นายสุมิตรชัย เปิดเผยว่า การเข้ายื่นหนังสือให้อัยการจังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีที่นายชัยภูมิ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารยิงเสียชีวิต โดยร้องขอความเป็นธรรมให้ดำเนินไปด้วยความโปร่งใสและยุติธรรม โดยขอให้ทางอัยการมีการสอบพยานเพิ่มเติม และเรียกพยานหลักฐานที่มองว่าอาจจะยังไม่ครบถ้วนเข้ามาในสำนวนให้ครบ เพราะทราบว่าทางตำรวจส่งสำนวนให้ทางอัยการแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุขณะที่เกิดเหตุที่ทราบว่าทางทหารส่งฮาร์ดดิสบันทึกข้อมูลให้ทางตำรวจพิสูจน์หลักฐานแล้วแต่ยังไม่มีการนำเข้าไปอยู่ในสำนวนคดี และไม่ทราบว่าสามารถเปิดดูภาพได้หรือไม่อย่างไร

 กระนั้นจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำภาพมาเปิดเผยเพื่อให้แสดงถึงความโปร่งใส เช่นกรณีอุบัติเหตุต่างๆ ยังสามารถนำภาพออกมาเผยแพร่ได้ทันที แต่ภาพจากที่เกิดเหตุคดีน้องชัยภูมิจวบจนปัจจุบันผ่านไปกว่า 2 เดือนแล้ว แต่ภาพจากกล้องวงจรปิดก็ยังถูกเก็บไว้เป็นความลับที่ยิ่งสร้างความคลางแคลงใจ ดังนั้นจึงอยากร้องขอให้ทางอัยการติดตามในเรื่องนี้ ตลอดจนอยากให้มีการเพิ่มเติมหลักฐานในส่วนที่เกี่ยวกับผลการผ่าพิสูจน์ศพ และเรียกพยานบุคคลบางคนเข้ามาสอบเพิ่มเติม เพื่อให้ให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนมากที่สุดสำหรับศาลในการพิจารณาวินิจฉัยคดีนี้ในที่สุด