'สมคิด'มั่นใจเศรษฐกิจขยายตัว3.5% ตามสศช.คาด

'สมคิด'มั่นใจเศรษฐกิจขยายตัว3.5% ตามสศช.คาด

"สมคิด" มั่นใจจีดีพีขยายตัว 3.5% ตามสศช.คาดการณ์ ชี้พอใจการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยท่ามกลางศก.โลกชะลอตัว พร้อมสั่งเร่งตรวจคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนคนจน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมตรี ปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา "True Business Forum 2017" ภายใต้แนวคิด Thailand 4.0 ว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกขยายตัว 3.3% และคาดว่าจะเติบโตได้ 3.5% ตามที่ สศช.คาดการณ์ไว้ โดยพอใจกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยท่ามกลางเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเป้าหมายการทำงานของรัฐบาลยังต้องขับเคลื่อนจีดีพีผ่านหลายปัจจัย ทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยว เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณผ่านโครงการขนาดใหญ่ และงบกลางโครงการขนาดเล็ก ส่งเสริมการส่งออกซึ่งกำลังขยายตัวตามเศรษฐโลก

ทั้งนี้ ยอมรับว่าจีดีพีของ CLMV เป็นประเทศเกิดใหม่จีดีพีมีขนาดเล็กกว่าไทยหลายเท่า จึงเติบโตมากกว่า 5-8% ขณะที่สิงคโปร์ จากเดิมขยายตัว 10% เหลือ 2% เหมือนกับไทยขยายตัวได้น้อยลง จึงเป็นการบ้านที่ต้องเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เนื่องจากไทยมีศักยภาพด้านการเกษตร จึงต้องมุ่งพัฒนาสินค้าชุมชนสร้างมูลค้าเพิ่มผ่านวัตกรรม การท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับสินค้าโอท็อบ

รัฐบาลต้องมุ่งสร้างกำลังซื้อให้กระจายในต่างจังหวัด ลดกระจุกตัวอยู่ในหัวเมืองใหญ่ ผ่านการพัฒนาสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก ด้วยการใช้นวัตกรรม การใช้ไอเดียใหม่ๆไปส่งเสริมเกษตรกรพัฒนาสินค้าเกษตรแปรรูป โดยมีคนรุ่นใหม่เข้าไปช่วยดูแล เพื่อลดการค้าผ่านคนกลางเปลี่ยนไปเป็นส่งสินค้าผ่านตลาดออนไลน์ตรงไปยังผู้ซื้อ จึงกำชับให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) เร่งรัดวางระบบเครือข่ายเน็ตประชารัฐ 24,700 หมู่บ้าน ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพราะจะช่วยทั้งด้านการศึกษา การรักษาพยาบาล และการพัฒนาสังคมอีกหลายด้าน เมื่อกำลังซื้อในภูมิภาคสูงขึ้นจะเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ในระยะยาว ผ่านการสร้างผู้ประกอบการใหม่สตาร์ทอัพ เนื่องจากเศรษฐกิจยุคใหม่ของหลายประเทศต้องใช้เอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชนที่มีความเข้มแข็ง

สำหรับการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย เมื่อครบกำหนดลงทะเบียนแล้ว จึงมอบหมายให้ ธ.ก.ส. ออมสิน ตรวจเช็คดูว่าผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี หรือมีรายได้ 2,500 บาทต่อเดือน หรือ 80 บาทต่อวัน เพื่อดูกว่าทำอาชีพอะไร มีจำนวนมากน้อยแค่ไหน กลุ่มคนเหล่านี้ดำรงชีพลำบาก แม้รัฐบาลใดเข้ามาบริการจะต้องดูแลเพื่อให้มีชีวิตได้อย่างสมศักดิ์ศรี จึงต้องหาทางสร้างอาชีพเสริมและดูแลความเป็นอยู่ของกลุ่มคนดังกล่าวให้พัฒนาตนเองและมีจำวนน้อยลงในอนาคต ขณะนี้กระทรวงคลังจึงกำลังศึกษาแนวทางดูแลผ่านสวัสดิการของรัฐ