สุทธิลักษณ์ นำร่องแหนมโปรไบโอติก

สุทธิลักษณ์ นำร่องแหนมโปรไบโอติก

แหนมสุทธิลักษณ์ ดอนเมือง ซีรี่ย์โปรไบโอติก ผลงานจากเทคโนโลยีชีวภาพคัดเลือกสายพันธุ์จุลินทรีย์ดีมาสร้างจุดขายและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์

แหนมสุทธิลักษณ์ ดอนเมือง ซีรี่ย์โปรไบโอติก ผลงานจากเทคโนโลยีชีวภาพคัดเลือกสายพันธุ์จุลินทรีย์ดีมาสร้างจุดขายและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ หลังจากประสบความสำเร็จในการสร้างจุดขายที่แตกต่างในตลาดแหนมมา 20 ปีด้วยเทคโนโลยีการฉายรังสี


แหนมสุทธิลักษณ์หรือแหนมดอนเมือง จึงกลายเป็นที่รู้จักและสร้างความเชื่อมั่นกับกลุ่มผู้บริโภคถึงความปลอดภัยในการรับประทานโดยไม่ต้องผ่านไมโครเวฟหรือทำให้สุกเพื่อให้ปลอดภัยจากการปนเปื้อนไข่พยาธิ รวมทั้งมีอายุการเก็บได้นานถึง 2 เดือน จึงมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในตลาด โดยเฉพาะในช่องทางจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อ ทั้งๆ ที่ราคาสินค้าสูงกว่าแหนมที่ไม่ได้ฉายรังสี 10-20%


จากโยเกิร์ตสู่แหนมไบโอ


ความสำเร็จที่ผ่านมายังไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจแหนมเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืนหากขาด“เทคโนโลยี” ที่มาจากการวิจัยและพัฒนา จึงเป็นเหตุให้ นายภาคภูมิ หอมสุวรรณ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทย อินโนฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตแหนมดอนเมืองลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ ด้วยการคัดสายพันธุ์เชื้อแบคทีเรียที่ใช้ในการหมักแหนม ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเทคโนโลยีในต่างประเทศที่ใช้กับซาลามี่ ซึ่งเป็นเนื้อหมักแห้ง และถือเป็นหนึ่งในอาหารที่อยู่ใน dry meat


แต่เชื้อที่ใช้หมักซาลามี่ไม่สามารถนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์แหนม ทางบริษัทจึงจำเป็นต้องพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะขึ้น เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์จุลินทรีย์ที่ดี ซึ่งส่งผลต่อเอกลักษณ์ของแหนมภายใต้แบรนด์สุทธิลักษณ์ ทั้งแง่รสชาติและความคงที่ของรสชาติ
“ผลิตภัณฑ์แหนมแต่ละยี่ห้อจะมีรสชาติแตกต่างกันขึ้นอยู่กับจุลินทรีย์ บางครั้งรสชาติแต่ละลอตจะไม่คงที่ ดังนั้น เมื่อเราพัฒนาจุลินทรีย์ของตนเองจะทำให้รสชาติคงที่ มีเอกลักษณ์ชัดเจน ที่สำคัญสามารถนำเสนอฟังก์ชั่นเพิ่มขึ้นคือเป็นจุลินทรีย์โปรไบโอติก ซึ่งเป็นจุลินทรีย์สุขภาพที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ ช่วยสร้างความสมดุลของแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหาร และทำหน้าที่ช่วยย่อยอาหารและผลิตสารอาหารที่เป็นประโยชน์ ส่วนใหญ่ผู้บริโภคคุ้นเคยแบคทีเรียโปรไบโอติกในผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวและโยเกิร์ต แต่ครั้งนี้จะอยู่ในแหนม ซึ่งอยู่ระหว่างรอ อย.อนุมัติ ก่อนทำการตลาดต่อไป คาดว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างยอดขายและฐานลูกค้าใหม่มากขึ้น” นายภาคภูมิ กล่าว


เทคโนโลยีสร้างจุดขาย


“อินโนฟู้ด” ให้ความสำคัญกับแนวทางการนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความมั่นใจกับผู้บริโภคในเรื่องของความปลอดภัย แต่ปัจจุบันการนำเสนอเทคโนโลยีกลับมาช่วยสร้างจุดขายใหม่ที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ และสามารถนำมาใช้ทำการตลาดได้ ที่สำคัญสามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ เพราะเป็นผลงานที่เกิดจากการวิจัย จึงไม่กังวลในแง่การถูกลอกเลียนแบบ เพราะหากคู่แข่งนำจุลินทรีย์ของแหนมสุทธิลักษณ์ไปใช้ จะทำให้ผลิตภัณฑ์แบรนด์นั้นเสียอัตลักษณ์


ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากแหนม 80% ของรายได้รวม 120 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็นไส้กรอกอีสาน หมูยอ อาหารพื้นเมือง อาทิ แหนมเนืองพร้อมทานสามารถเก็บได้นาน 1 เดือน ในแต่ละปีโตยอดขายมีอัตราเติบโต 20-30 % อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาเริ่มทำตลาดส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10%


“ปีนี้ใช้งบการตลาดและงานวิจัยรวม 10% จากยอดขาย แบ่งเป็น งบวิจัย 3% ที่เหลือ7% เป็นงบการตลาด เนื่องจากปีนี้ขยายตลาดเข้าห้างสรรพสินค้า รวมทั้งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในงานไทยเฟค และในอนาคตจะนำเสนอแหนมสแนคมีลักษณะคล้ายหมูสวรรค์ สามารถส่งออก ไม่ต้องแช่ตู้เย็น” นายภาคภูมิ กล่าวและว่า ที่ผ่านมาพยายามจะทำธุรกิจให้แตกต่างและหลากหลายเพื่อลดความเสี่ยง ขณะเดียวกันยังคงรักษาเรื่องราวความเป็นแหนมดอนเมือง เพราะชื่อเสียงที่รู้จักมานาน 40 ปี แม้จะไม่สามารถจดชื่อเป็นเครื่องหมายการค้าก็ตาม