โร่แจ้งกองปราบถูกท้าวแชร์เชิดเงินหลบหนี!!

โร่แจ้งกองปราบถูกท้าวแชร์เชิดเงินหลบหนี!!

กลุ่มแชร์แอพพลิเคชั่นไลน์ โร่แจ้งความตำรวจกองปราบ หลังถูกท้าวแชร์เชิดเงินกว่า 40 ล้านบาทหลบหนี คาดมีผู้ที่ถูกหลอกไม่ต่ำกว่า 100 ราย

นางบุญลักษณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี พร้อมด้วยกลุ่มผู้เสียหายกว่า 10 คน ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.นันท์นภัส (สงวนนามกุล) อายุ 31 ปี เท้าแชร์ ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ภายหลังหลอกลวงให้เล่นแชร์ผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์กลุ่ม ซึ่งมีหลายวง แบ่งเป็นวงแชร์ที่เปิดให้ร่วมนำเงินมาเล่นแชร์ ตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้านบาท และมีวงแชร์แบบออมเงินแลกกับทองคำ แต่ภายหลังกลับไม่ได้รับเงินดอกเบี้ยที่นำไปเล่นแชร์ดังกล่าว จนถึงไม่ได้เงินที่นำไปเล่นแชร์คืนมา รวมมูลค่าเสียหายกว่า 40 ล้านบาท โดยนำหลักฐานการโอนเงิน และเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบให้พนักงานสอบสวนไว้ประกอบการพิจารณาดำเนินคดี

นางบุญลักษณ์ กล่าวว่า รู้จักกับวงแชร์ที่เล่นผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์กลุ่มดังกล่าวเมื่อประมาณปี 2559 ผ่านเพื่อนสนิทที่เล่นแชร์อยู่ก่อน แล้วชักชวนโดยอ้างว่าได้รับเงินดอกเบี้ยคืนจริง ซึ่งมีหลายวงให้เลือกเล่น มีการจ่ายดอกเบี้ยรายวัน จากสมาชิกที่เข้ามาในกลุ่มแอพพลิเคชั่นไลน์คนใหม่ที่เป็นคนเปียเงินไป ช่วงแรกตนเล่นเพียงวงเดียว เมื่อได้เงินจริง จึงเริ่มนำเงินมาเล่นแชร์อีกหลายวง ก่อนหน้านี้ก็ได้รับการโอนเงินดอกเบี้ยคืนกลับมา กระทั่งประมาณวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ก็เริ่มไม่ได้รับเงิน จึงพยายามติดตามทวงถามกับ น.ส.นันท์นภัส เท้าแชร์รายนี้ ซึ่ง น.ส.นันท์นภัส อ้างว่ากำลังแก้ปัญหาบ้าง หรือจะพยายามบ่ายเบี่ยงต่างๆ นานา จนเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ก็ไม่สามารถติดต่อได้ และ น.ส.นันท์นภัส ก็ออกจากกลุ่มแอพพลิเคชั่นไลน์ ไปเลย โดยในส่วนของตนเกิดความเสียหายแล้วกว่า 1.22 ล้านบาท

ผู้เสียหายรายนี้ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นได้ทราบภายหลังว่า มีผู้เสียหายจำนวนมากในหลายพื้นที่ทั่วประเทศที่ถูก น.ส.นันท์นภัส หลอกลวง แต่ส่วนใหญ่เชื่อถือและกล้านำเงินมาเล่นแชร์ด้วย เพราะเห็นว่า มีผู้ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมเล่นแชร์ดังกล่าวด้วย จึงเกิดความน่าเชื่อถือ โดยขณะนี้น่าจะมีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 100 คน

ด้าน พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องเอาไว้ โดยมอบหมายให้พนักงานสอบสวน กก.1-6 บก.ป.สอบปากคำผู้เสียหายเอาไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามทราบว่ากรณีที่เกิดขึ้นมีการแจ้งความที่ บก.ปอศ.เอาไว้แล้ว หลังจากนี้จะพิจารณาส่งเรื่องกลับไปยังพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. เพื่อดำเนินการต่อไป โดยพฤติการณ์ทางคดีน่าจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน