MORNING CALL ACTION NOTES (15 พ.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (15 พ.ค.60)

เลือกเล่นรายตัว

ตลาดหุ้นไทยวันก่อนทรุดตัวลงจากการขายปรับพอร์ตกลุ่มหุ้นที่รายงานงบ Q1/60 อ่อนแอกว่าคาดและ P/E สูง ประกอบกับความกังวล Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,543.94 จุด (-6.33 จุด) ด้วย Volume 5.4 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +680 ลบ. TFEX Net -29,263 สัญญา และตราสารหนี้ไทย Net +807 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+/- ตลาดหุ้น DJ อ่อนตัวลง จากความกังวลแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังปธน.ทรัมป์ปลดนายเจมส์ โคมีย์ ผอ.สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ FBI แม้ว่าตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐฯเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 0.4%

+ ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นล่าสุด 47.8 US/Barrel จากความหวังกลุ่มโอเปกจะขยายเวลาปรับลดการผลิตน้ำมันไปจนถึงสิ้นปี แม้ว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐจะเพีมขึ้น 17 สัปดาห์ติดต่อกันโดยเพิ่ม 9 แท่นสู่ 712 แท่น

+ Fund Flow ต่างชาติพลิกเป็น Net Buy 4 วันราว 4.1 พันลบ. และเงินบาททรงๆตัวล่าสุด 34.6 Bath/USD.

+ กรมทางหลวงกางแผนโครงการรับ EEC ลุยพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ลดต้นทุนการขนส่ง อำนวยความสะดวกการเดินทาง ตั้งเป้า 13 โครงการในปี 61 วงเงิน 1.9 หมื่นล้านมั่นใจ ต.ค.นี้ลงนามได้

- วานนี้เกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จในการยิงขีปนาวุธ Hwasong-12 ทั้งนี้เกาหลีใต้ออกมาประฌามการยิงขีปนาวุธในครั้งนี้

** ติดตามการประกาศงบ Q1/60 ของบริษัทฯซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีมีความผันผวนในช่วงนี้
** BJC แจ้งเพิกถอน BIGC ออกจากตลท.ทำเทนเดอร์ราคา225บ./หุ้น เนื่องจากปัจจุบัน BIGC มีสัดส่วนการกระจายการถือหุ้นรายย่อยไม่ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ตลท.

ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นรวมถึง Fund Flow ต่างชาติพลิกเป็น Net Buy 4 วันราว 4.1 พันลบ. อย่างไรก็ตามความกังวล FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.รวมถึงสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลียังเป็นตัวถ่วงดัชนี ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,535 – 1,555 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- IVL ราคาฝ้ายพุ่งทำ High ในรอบ 2 ปีล่าสุด 83.4 US/Tons

- 15 พ.ค. ประกาศ MSCI รอบใหม่ คาด TCAP ได้เข้าคำนวณ

- กลุ่มหุ้นที่กำไร Q1/60 ออกมาดีและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง PTTGC WICE JWD LIT



หุ้นแนะนำพิเศษ

IVL    ราคาปิด 36.25    Consensus เฉลี่ย 38.23 บาท

- ปี 60 Consensus คาดกำไรที่ 9.8-9.9 พันล้านบาทลดลง 11%YoY จากปี 59 เนื่องจากปี 59 มีกำไรจากการซื้อกิจการราว 7 พันล้านบาท โดยบริษัทยังเน้นการผลิตสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง อาทิ เส้นใยยางรถยนต์ เส้นใยผ้าอ้อม อีกทั้งคาดว่าต้นทุนการผลิตที่สหรัฐจะลดลงหลังโรงงาน Gas cracker ที่สหรัฐเสร็จ

- ได้ประโยชน์จากการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ

หุ้นมีข่าว

- XO (ราคาปิด 5.05 ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเหมาะสม 5.40 ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ ) รายงานกำไรไตรมาส 1/60 ที่ 14 ล้านบาทเติบโต 427%QoQ แต่หดตัว 58%YoY แม้ว่ารายได้จากการขายจะเติบโต 15%YoY มาที่ 254 ล้านบาทจากการขยายตลาดใหม่ แต่ต้นทุนขายปรับตัวขึ้นจาก 66% สู่ 73% เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างการย้ายไปผลิตยังโรงงานใหม่ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการปรับตัวขึ้นจากค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายการผลิตคงที่ของโรงงานแห่งใหม่

- SELIC (ราคาปิด 3.18 ซื้อ ราคาเหมาะสม 3.68 รายได้และกำไรไม่เติบโตตามคาด) รายงานกำไรไตรมาส 1/60 ที่ 7 ล้านบาทหดตัว 37%QoQ และหดตัว 34%YoY โดยรายได้หดตัวลงเล็กน้อย 2%YoY (ต่ำกว่าที่คาดว่าจะเติบโต 10%) เนื่องจากลดการจำหน่ายสินค้าประเภทซื้อมาขายไป ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนตัวลงจาก 30% เหลือ 28% เป็นผลจากต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวขึ้น อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวขึ้นจากการประชาสัมพันธ์สินค้าและมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน

- ประเด็นบวก TRC (ราคาปิด 1.21 ซื้อ ราคาเหมาะสม 1.53) เข้ารับสัมปทานประปา อบต.ใน อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ใช้เงินลงทุน 46.5 ลบ.

- DEMCO (ราคาปิด 6.35 Bloomberg Consensus 9.00) คว้างานกฟภ.มูลค่า 279.14 ลบ. ดัน Backlog เพิ่มส่วนใหญ่รับรู้ฯปีนี้ หนุนรายได้-กำไรปีนี้เข้าสู่ปกติ

- BCP (ราคาปิด 32.50 Bloomberg Consensus 35.98) หยุดซ่อมหน่วยผลิตไฮโดรเจนและหน่วยแตกโมเลกุลด้วยไฮโดรเจน 22 วัน ไม่กระทบผลประกอบการอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่หน่วยกลั่นอื่นยังเดินเครื่องได้ตามปกติ

- WICE (ราคาปิด 3.86 Bloomberg Consensus 4.97) ไตรมาส 1/60 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 24.18 ลบ. เติบโต 146%YoY แต่หดตัวลง 11%QoQ

- บอร์ด MCS อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 4.60% วงเงินราว 380 ลบ.

- OCEAN จะออกหุ้นกู้ 250 ลบ.-เข้าซื้อ"เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์"234 ลบ.พร้อมแจกวอแรนต์ผถห.เดิม

- ACAP เผย ได้มีการบันทึกรายได้จากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมกว่า 45 ล้านบาท ตั้งแต่ไตรมาส 4/59 แล้ว ย้ำพร้อมบังคับขายสินทรัพย์หลักประกันมูลค่า 175 ล้านบาททันที (ข่าวหุ้น)

- EARTH ไตรมาสแรกพลิกขาดทุน 68 ล้านบาท บุ๊คขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนอ่วม 341 ล้านบาท ฉุดงบบริษัทวูบ ฟากวงการเงินชี้โดนจับฟอร์ซเซล ทุบหุ้นร่วงหนักติดฟลอร์ 2 วันซ้อน (ที่มาข่าวหุ้น)

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -22.81 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,896.61 จุด ลดลง 22.81 จุด หรือ -0.11% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,390.90 จุด ลดลง 3.54 จุด หรือ -0.15% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,121.23 จุด เพิ่มขึ้น 5.27 จุด หรือ +0.09% เนื่องจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศปลดนายเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) พ้นจากตำแหน่ง ได้สร้างความกังวลต่อนักลงทุนเกี่ยวกับแผนการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

ตลาดน้ำมัน NYMEX +0.01 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 47.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกจะขยายเวลาปรับลดการผลิตน้ำมันไปจนถึงสิ้นปี

 Analyst Meeting ANAN (ราคาปิด 4.6 Bloomberg consensus 5.83 ) 1Q60 มีกำไร 140 ลบ. -6%YoY (1Q59 อยู่ในช่วงที่ได้รับมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาฯ) -84%QoQ (4Q59 สูงสุดรายไตรมาสของปี 59) โดยมีรายได้จากการโอน 1,577 ลบ. -28%YoY -42%QoQ ผู้บริหารเปิดเผยว่าประมาณการรายได้ปีนี้ที่ราว2.4 หมื่นลบ.มีbacklog รองรับแล้ว 1.6 หมื่นลบ.คิดเป็น73% ส่วน backlog ปี 61 เท่ากับ 2.3 หมื่นลบ.

IRPC Analyst Meeting (ราคาปิด 5.25 Bloomberg Consensus 5.99)

- ผู้บริหารคาดตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไปโรงกลั่นจะใช้กำลังการกลั่นที่ 190 KBD หลังการซ่อมบำรุงเสร็จสิ้น โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2016 ราว 3%YoY เนื่องจากโครงการ UHV แล้วเสร็จ อีกทั้งคาดว่าค่าการกลั่นรวมจะปรับตัวขึ้นจากส่วนต่างน้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้จากประเทศกำลังพัฒนา และคาดว่าส่วนต่างผลิตภัณฑ์ HDPE และ PP จะปรับตัวขึ้นจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานในแถบเอเชีย

- คาดโรงงานผลิต PP เฟส 2 จะแล้วเสร็จตามแผนในไตรมาส 3 นี้ซึ่งจะเปลี่ยนจากผลิตภัณฑ์ Propylene ที่ได้จากโรงกลั่นเป็น Polypropylene ซึ่งมีมูลค่าสูงขึ้นโดยมีกำลังการผลิต 320 KTA (กำลังการผลิตรวม 700 KTA)

- ปัญหาจากโรงกลั่น UHV 1)ผลิตสาร Propylene ได้ต่ำกว่าคาด 2% เนื่องจากสาร catalyst ยังไม่เหมาะสมซึ่งผู้ผลิตจีนกำลังปรับสูตร catalyst เพื่อให้สามารถผลิตสาร Propylene ได้ตามเป้าหมาย และ2) ไม่สามารถกลั่นน้ำมันดิบจากแหล่งอื่นได้นอกจาก Arab light ทำให้ต้องมีการสร้าง UHV Catalyst Cooler เพื่อเพิ่มความยืนหยุ่นในการกลั่นน้ำมันดิบ

  ความเห็น ในไตรมาส 2 คาดว่ากำไรปกติจะปรับตัวขึ้นตามค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น และการใช้กำลังการกลั่นที่เพิ่มขึ้นหลังไม่มีหยุดซ่อมบำรุง แต่อาจจะไม่ได้เติบโตมากเท่าที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้เพราะโรงกลั่น UHV ยังมีปัญหาทั้ง catalyst ไม่เหมาะสม และความไม่ยืดหยุ่นในการกลั่นน้ำมันดิบทำให้ใช้กำลังการกลั่นได้ต่ำกว่าเป้าที่ 200 KBD