ผู้ว่าฯโคราช ลุยแก้ปัญหาประสบภัยแล้ง24หมู่บ้าน

ผู้ว่าฯโคราช ลุยแก้ปัญหาประสบภัยแล้ง24หมู่บ้าน

ผู้ว่าฯ โคราช เผยมี 7 อำเภอ 24 หมู่บ้าน ประสบภัยแล้ง แต่ไม่มีผลกระทบต่อการผลิตประปาแน่นอน ด้านผอ.ชลประทานที่ 8 ระบุ น้ำในเขื่อนลำตะคองเหลือเพียง 22%

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาว่า จากการลงพื้นที่ในช่วงปลายเดือนเมษายน 2560 พบว่ามี 7 อำเภอ 24 หมู่บ้าน ประสบปัญหาภัยแล้ง จึงได้แบ่งพื้นที่และลงไปแก้ปัญหาด้วยตัวเองและมอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดรับผิดชอบไปแก้ปัญหาร่วมกับอำเภอและหน่วยงานต่างๆ ด้วยการใช้รถและติดตั้งเครื่องสูบน้ำเข้าไปเก็บกักไว้ในแหล่งน้ำ เพื่อไว้สำหรับให้ประชาชนได้ใช้อุปโภคบริโภค โดยเฉพาะใน 24 หมู่บ้านดังกล่าว จนสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนไปได้ ประกอบกับระยะนี้มีฝนตกลงมาในพื้นที่ อย่างต่อเนื่องทำให้ปัญหาภัยแล้งดีขึ้น แต่จังหวัดนครราชสีมาก็ได้เฝ้าระวังปัญหาอย่างใกล้ชิด เพราะถ้าภายในเดือนมิถุนายน 2560 ฝนทิ้งช่วงภัยแล้งก็จะกลับมาอีก

แต่ชุมชนใหญ่ๆเช่น เทศบาลนครราชสีมาและตำบลใกล้เคียงที่ใช้น้ำประปาทั้งจากเขื่อนลำตะคองและเขื่อนลำแชะ รวมทั้งประปาส่วนภูมิภาคที่มีแหล่งเก็บน้ำในพื้นที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ ยืนยันว่าอีก 3-4 เดือน ข้างหน้านี้จะไม่มีการขาดแคลนน้ำอย่างแน่นอน เพราะได้มีการวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกันไว้แล้วขอให้ประชาชนอย่าได้วิตกกังวล อีกทั้งถ้ามีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องเช่นปัจจุบันปัญหาภัยแล้งในปีนี้ จะหมดไป

ด้านนายชิตชนก สมประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 8 นครราชสีมาเปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนทั้ง 5 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ขณะนี้ก็ยังต้องอยู่ในการเฝ้าระวังและควบคุมปริมาณการใช้น้ำอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว ซึ่งเป็นเขื่อนหลักที่ต้องใช้อุปโภคบริโภคในพื้นที่เขตเศรษฐกิจ เช่น อ.เมืองนครราชสีมา,อ.สีคิ้ว, อ.ขามทะเลสอ และ อ.สูงเนิน ขณะนี้มีปริมาณน้ำเหลืออยู่ในเขื่อนเพียง 71 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 22 ของความจุกักเก็บทั้งหมด 314 ล้านลูกบาศก์เมตร

โดยเมื่อวานนี้ (12 พ.ค. 60) มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเพียง 2,500 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น แต่ต้องเปิดประตูระบายน้ำ สำหรับให้ประชาชนใช้อุปโภค บริโภค และหล่อเลี้ยงระบบนิเวศถึง 346,000 ลูกบาศก์เมตร

ดังนั้นช่วงนี้จึงขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยกันประหยัดน้ำให้มาก เพื่อให้มีน้ำใช้ได้จนพ้นหน้าแล้งนี้ ส่วนที่เหลืออีก 4 เขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนมูลบน ปัจจุบันมีปริมาณน้ำกักเก็บเหลืออยู่ 56 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 40 ของความจุกักเก็บทั้งหมด 141 ล้านลูกบาศก์เมตร, เขื่อนลำแชะ มีปริมาณน้ำกักเก็บเหลืออยู่ 76 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 27 ของความจุกักเก็บทั้งหมด 275 ล้านลูกบาศก์เมตร, เขื่อนลำพระเพลิง มีปริมาณน้ำกักเก็บเหลือ 62 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 40 ของความจุกักเก็บทั้งหมด 155 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนลำปลายมาศ มีปริมาณน้ำกักเก็บเหลืออยู่ 46 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 47 ของความจุกักเก็บทั้งหมด 98 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งภาพรวมก็ยังถือว่าพอบริหารจัดการได้จนพ้นหน้าแล้งนี้ไปได้ ทั้งนี้ถ้ามีฝนตกลงมาเหนือเขื่อนต่างๆอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้การบริหารจัดการน้ำในเขื่อนต่างๆง่ายขึ้น