เรื่องที่ต้องรู้ก่อนใช้ยา

เรื่องที่ต้องรู้ก่อนใช้ยา

หมอญี่ปุ่น แนะนำความรู้เกี่ยวกับยา สุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บเพื่อให้คุณมีชีวิตยืนยาว ห่างไกลยาและการรักษาที่ไม่จำเป็น

หมอญี่ปุ่น แนะนำความรู้เกี่ยวกับยา สุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บเพื่อให้คุณมีชีวิตยืนยาว ห่างไกลยาและการรักษาที่ไม่จำเป็นเพราะไม่เช่นนั้นแทนที่ “ยา” จะรักษา กลับ “ฆ่า” คุณ ได้

สิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์คือปัจจัยสี่ ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่มห่ม และยารักษาโรค หากขาดไปเพียงสักปัจจัยเดียวชีวิตก็ไปต่อได้ยาก! โดย เฉพาะเรื่อง “ยา” เราวางใจได้แค่ไหนกับยาจากโรงพยาบาลที่แพทย์สั่งให้หรือยาที่เราซื้อจากร้านที่อนุญาตให้จำหน่ายว่าจะปลอดภัยต่อชีวิตและช่วยรักษาโรคได้ผลจริงๆ

รู้หรือไม่ว่าในความจริงแล้ว 90% ของยาไม่มีผลในการรักษา ยาแค่ทำให้อาการทุเลาระยะหนึ่งเท่านั้น และ แม้คุณจะใช้ในขนาดธรรมดา (ขนาดรักษา) ยาก็ยังมีผลข้างเคียง อยู่เสมอ เช่น ยาแก้แพ้ทำให้ง่วงนอน ยาแก้ปวดลดไข้ทำให้ระคายกระเพาะอาหารและลำไส้ เป็นต้น

นายแพทย์คนโด มะโกะโตะ หมอญี่ปุ่น ที่พบความจริงมากมายจากข้อมูลเรื่องยาและโรคภัยจากทั่วโลก และคลุกคลีกับผู้ป่วยมากว่า 40 ปี จะมาบอกข้อเท็จจริง คำแนะนำ และความรู้ที่คุณอาจจยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องยา วัคซีน สุขภาพองค์รวม โรคภัยไข้เจ็บ และมะเร็ง เป็นแนวคิดที่สวนกระแสจากวงการแพทย์ทั่วไปในผลงานเล่มล่าสุด “อย่าให้ ยาฆ่าคุณ” มาพลิกความเชื่อเดิมๆ และทบทวนดูว่า “ยา” จำเป็นจริงหรือ และใช้ยาให้น้อยที่สุดหรือไม่ใช้เลยก็มีสุขภาพดีได้จริงหรือไม่ คุณหมอคนโดจะถ่ายทอดประสบการณ์ และความรู้เรื่องยาในแง่มุมต่างๆ ว่ายาส่งผลต่อร่างกายที่ตรงกันข้ามกับการเยียวยาให้หายป่วย ดังนี้

· การใช้ยาเพื่อลดไข้หรือยับยั้งอาการท้องเสียกลับทำให้อาการรุนแรงขึ้นหรือเป็นนานขึ้น

· ถ้าใช้ยาแก้ปวดหรือแผ่นบรรเทาอาการปวดจนติด อาการปวดจะค่อยๆ รุนแรงและดื้อยามากขึ้น

· การใช้ยาลดความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอล ทำให้สมองขาดเลือด หลงลืม และสมองเสื่อม

· การลดระดับน้ำตาลในเลือดมากเกินไปทำให้ช็อกหมดสติ มีโอกาสเสียชีวิตเฉียบพลัน

· ยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เช่น ยาระงับประสาท ยาแก้โรคซึมเศร้า ยานอนหลับ ทำให้เหนื่อยล้าและมีโอกาสเสพติดได้ นำมาซึ่งเหตุร้ายแรงมากมาย เช่น ฆ่า ตัวตาย ก่อเหตุฆาตกรรม หรือใช้ความรุนแรง เป็นต้น

· ยาที่ได้ชื่อว่าป้องกันอาการหลงลืม ทำให้การดำเนินโรคช้าลง ไม่มีการพิสูจน์ผลของยาแต่อย่างใด แต่กลับมีผลข้างเคียงน่ากลัว เช่น เพ้อ คลื่นไส้ หมดสติ เป็นต้น คิดดู
แล้วไม่กินย่อมดีต่อสมองมากกว่า

· วิตามินไม่ช่วยการรักษา การกินบีตาแคโรทีนมากเกินไปจะเพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็ง

· ยาแก้หวัด ยาลดอักเสบในโพรงจมูกที่จำหน่ายในท้องตลาดทำให้เกิดอาการแพ้ที่ผิวหนังกลุ่มอาการสตีเวนส์-จอห์นสัน

· ยาต้านมะเร็งเพียงแต่ทำให้มะเร็งหดลงระยะหนึ่งแล้วโตขึ้นใหม่ ทั้งยังทำลายเซลล์ปกติอีกด้วย จึงไม่ได้ช่วยอยู่ได้นานขึ้นแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม แม้เนื้อหาในเล่มจะอ้างอิงข้อมูลด้านสุขภาพคนญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็พร้อมสรรพด้วยผลวิจัยจากหลากหลายประเทศมาสนับสนุนอย่างเป็นเหตุเป็นผลและ น่าเชื่อถือ ซึ่งผู้อ่านก็ต้องนำไปประเมินกับสถานการณ์ส่วนตัว แล้วตัดสินใจเลือกวิธีใช้ยา (หรือไม่ใช้) และเลือกวิธีรักษาสุขภาพที่เหมาะสมกับตนเองและคนที่คุณรักต่อไป