‘ดุสิต’ดันแฟรนไชส์บุกเอเชียจับมือทุนเวียดนามรุก'ฟูก๊วก'

‘ดุสิต’ดันแฟรนไชส์บุกเอเชียจับมือทุนเวียดนามรุก'ฟูก๊วก'

โมเดลธุรกิจแฟรนไชส์เป็นหนึ่งทางเลือกของธุรกิจในการเร่งขยายเครือข่ายอย่ารวดเร็ว

ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล” ประกาศความพร้อมรุกโมเดลธุรกิจใหม่ด้วยรูปแบบ “แฟรนไชส์” มุ่งขยายตลาดในเอเชีย โดยใช้แบรนด์ “ดุสิตปริ๊นเซส” นำร่อง ที่เกาะฟูก๊วก เวียดนาม 

ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า กลุ่มดุสิต ได้พัฒนาธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ที่เหมาะสมสำหรับตลาดเอเชียโดยเฉพาะ ซึ่งปีนี้จะเริ่มเห็นการขยายกิจการเป็นรูปธรรมด้วยการใช้แบรนด์ “ดุสิตปริ๊นเซส” เป็นโมเดลหลักในการขับเคลื่อน

โดยโรงแรมแรกที่เปิดตัวปลายปีนี้ ได้แก่ ดุสิตปริ๊นเซส มูนไรส์ บีช รีสอร์ท ขนาด 108 ห้องบนเกาะฟูก๊วก ซึ่งเซ็นสัญญาร่วมมือกับ บริษัท ลินห์ ชิ จำกัด จากเวียดนาม  เป็นนักลงทุนด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และโครงการด้านท่องเที่ยว  เรียบร้อยแล้ว

อีกโครงการที่รับบริหารแล้ว ได้แก่ ดุสิตปริ๊นเซส ที่เมืองธากา บังคลาเทศ  ภายในปีนี้จะมีสัญญาในแบบแฟรนไชส์อีก 2 แห่ง ทยอยเปิดตัว รวมทั้งสิ้น 4 แห่ง ทั้งนี้ ่ไม่รวมความร่วมมือกับ บริษัท โดสเซ่น จากประเทศจีน ที่กำลังจะเซ็นสัญญาในวันที่ 23 พ.ค.นี้ เพื่อพัฒนาอีกหลายโครงการร่วมกัน แต่จะเป็นรูปแบบความร่วมมือที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆ ในเอเชีย

หลังจากศึกษารูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์ในแบบอเมริกัน พบว่ามีหลายจุดที่ยังไม่เหมาะสมกับการนำมาใช้ในตลาดเอเชีย จึงได้พัฒนาแนวทางของตัวเองขึ้นมา นำมาซึ่งรูปแบบที่เรียกกันว่า แมนไชส์”

สำหรับ “แมนไชส์” เป็นส่วนผสมระหว่างการบริหารจัดการ (Management) ควบคู่ระบบแฟรนไชส์ แม้จะมีคู่มือกำกับดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐาน แต่ดุสิตจะเข้าไปช่วยเหลือให้คำแนะนำด้านการบริหารในช่วงแรกอย่างใกล้ชิด นำองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการไปถ่ายทอด เพื่อทำให้เกิดผลตอบแทนทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และทำให้การขยายธุรกิจต่างประเทศของดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นไปได้รวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องห่วงในเรื่องการบริหารจัดการบางอย่าง เช่น การจัดจ้างบุคลากร ซึ่งที่ผ่านมาการขยายกว่า 50 โรงแรม บุคลากรกว่า 2 หมื่นคน ถือเป็นความท้าทายอย่างมาก

ส่วนโครงการดุสิตปริ๊นเซส บนเกาะฟูก๊วกที่เซ็นสัญญาครั้งนี้ เชื่อว่าจะสามารถแข่งขันในทำเลดังกล่าว ซึ่งเป็น “ดาวรุ่ง” ด้านการท่องเที่ยวของเวียดนามที่รัฐบาลกำลังส่งเสริมให้เป็นจุดหมายระดับลักชัวรี เนื่องจากความต้องการของนักท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง ปี 2559 มีจำนวน 1.5 ล้านคน ในปี 2563 คาดเติบโต “เท่าตัว” เป็น 3 ล้านคน หลังจากสนามบินขยายการรองรับเพิ่มเป็น 4 ล้านคนต่อปี ทำให้มีศักยภาพในการรับนักท่องเที่ยวเพิ่ม จากปัจจุบันที่มีเที่ยวบินในประเทศให้บริการจากเมืองต่างๆ มาถึงจุดหมายนี้ 10 สายการบิน ซึ่งข้อจำกัดด้านการเดินทางที่เข้าถึงสะดวกที่สุดทางเครื่องบิน เป็นการคัดกรองนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ไปด้วยในตัว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกที่เปิดตลาดจะทำราคาแนะนำแบรนด์ ที่ราว 200 ดอลลาร์/คืน (ราว 7,000 บาท)  เมื่อนักท่องเที่ยวขยายตัว คาดว่าจะปรับราคาสูงขึ้น เช่นเดียวกับอัตราเข้าพักเฉลี่ยที่คาดว่าช่วงแรกจะอยู่ที่ 60-75% ก่อนขยับขึ้นไปตามความต้องการของตลาด 

ทางด้าน โด วาน ชานห์ ผู้อำนวยการบริษัท ลินห์ ชิ จำกัด กล่าวว่า โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส มูนไรส์ บีช รีสอร์ท ใช้งบประมาณ 868 ล้านบาท  หลังจากโครงการนี้แล้วยังมีอีก 2 โรงแรมที่พัฒนาบนเกาะฟูก๊วก 

การตัดสินใจเลือกดุสิตฯ เพราะเป็นมืออาชีพ ถือเป็นหนึ่งในเชนโรงแรมใหญ่สุดในไทย ส่วนอีก 2 โรงแรมใหม่ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะใช้แบรนด์ใด อยู่ระหว่างพิจารณา”

ทั้งนี้ การแข่งขันบนเกาะฟูก๊วกนั้น แม้ว่าจะมีโรงแรมจำนวนมากถึง 200 แห่ง  และดึงดูดเชนระดับอินเตอร์เนชั่นแนลที่เจาะตลาดไฮเอนด์จำนวนมากเข้ามาอย่างต่อเนื่อง  แต่เชื่อว่าด้วยการให้สิทธิพิเศษด้านการลงทุน ภายใต้การตั้งเกาะฟูก๊วกให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทำให้การลงทุนครั้งนี้ได้รับสิทธิลดภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax) 50% เป็นเวลา 5 ปี 

นอกจากนั้น ยังมีการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ดึงดูดตลาด เช่น การสร้างกาสิโนแห่งแรกของกลุ่มนักลงทุนท้องถิ่น คาดว่าจะเปิดบริการราวเดือน พ.ย.  จะทำให้มีนักท่องเที่ยวเสริมเข้ามาอีกจำนวนมาก