BEM - ซื้อ

BEM - ซื้อ

กำไรไตรมาส 1/60 เป็นไปตามคาด; แนวโน้มเติบโต YoY ในไตรมาสหน้า

เป็นไปตามคาด

BEM รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 ที่ 702 ล้านบาท ทรงตัว YoY แต่เพิ่มขึ้น 19% QoQ กำไรหลักไตรมาส 1/60 อยู่ที่ 702 ล้านบาทเช่นกัน ทรงตัว YoY แต่เพิ่มขึ้น 25% QoQ โดยผลประกอบการเป็นไปตามที่เราและตลาดคาดการณ์

ประเด็นหลักผลประกอบการ

ในส่วนของการเปลี่ยนแปลง YoY ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น, ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ลดลงและอัตราภาษีจ่ายที่เพิ่มขึ้นนั้นสูงกว่าการเติบโตของรายได้ ซึ่งหนุนโดยปริมาณการใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้า MRT ที่เพิ่มขึ้น, ค่าผ่านทางด่วนเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นและการรับรู้รายได้จากรถไฟฟ้าสายสีม่วง รวมทั้งทางด่วนเส้นใหม่ (เปิดทำการเมื่อเดือน ส.ค. 2559) ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาส 1/60 ทรงตัว YoY โดยปริมาณการจราจรบนทางด่วนเฉลี่ยต่อวันรวม (BECL+NECL) เพิ่มขึ้น 4% YoY มาอยู่ที่ 1.2 ล้านเที่ยว ขณะที่จำนวนเที่ยวใช้บริการรถไฟฟ้า MRT เฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 8% YoY มาอยู่ที่ 293,960 เที่ยว นอกจากนั้นค่าผ่านทางด่วนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 6% YoY มาอยู่ที่ 22.3 บาทต่อเที่ยว

ในขณะที่ปัจจัยสำคัญที่หนุนการเติบโตของกำไรหลัก QoQ ได้แก่ 1) ปริมาณการจราจรบนทางด่วนที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 2% QoQ), 2) จำนวนเที่ยวใช้บริการรถไฟฟ้า MRT ที่เพิ่มสูงขึ้น (เพิ่มขึ้น 4% QoQ), 3) ค่าโดยสารเฉลี่ยของรถไฟฟ้า MRT ที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 1% QoQ มาอยู่ที่ 24.7 บาทต่อเที่ยว), 4) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง โดยสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงมาอยู่ที่ 7.1% จาก 9.8% ในไตรมาส 4/59


แนวโน้ม

เราคาดว่ากำไรหลักไตรมาส 2/60 ของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY ซึ่งได้แรงหนุนจากปริมาณการจราจรทั้งบนทางด่วนและรถไฟฟ้า MRT ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการรับรู้รายได้จากรถไฟฟ้าสายสีม่วงและทางด่วนเส้นใหม่ (เปิดทำการเมื่อเดือน ส.ค. 2559) อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรหลักของบริษัทจะอ่อนตัวลง QoQ เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้า MRT (ช่วงวันหยุดสงกรานต์และช่วงที่โรงเรียนปิดเทอม) ข้อมูลในอดีตบ่งชี้ว่าโดยปกติ ปริมาณการใช้ทางด่วนและระบบขนส่งมวลชนจะปรับตัวลดลง 4% QoQ ในช่วงไตรมาสที่สอง

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 ของเราลดลง 6 % มาอยู่ที่ 3,533 ล้านบาท เพื่อสะท้อนสมมติฐานต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น

คำแนะนำ

ในมุมมองของเรา ความคาดหวังต่อการเติบโตของกำไรหลัก YoY ในไตรมาส 2/60 และอัตราการเติบโตของกำไรของบริษัทที่แข็งแกร่งถึง 22% ในช่วงปี 2559-2561 ซึ่งถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มผู้ให้บริการขนส่งภาคพื้นดินของไทยและสูงกว่าอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีของตลาดที่ 8% ในปี 2559-2561 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นต่อไปได้ ทั้งนี้เรามองว่ายังมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรในระยะยาวจากสิทธิในการเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีม่วงและส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน รวมถึงธุรกิจการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์สำหรับ
เส้นทางระบบขนส่งมวลชนใหม่ มูลค่าหุ้นปัจจุบันยังคงน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PEG ณ สิ้นปี 2560 ที่ 0.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่ 2.1 เท่า